ถ้าให้ปราบยาบรรลุเป้า”นายกฯเศรษฐา”ต้องกำกับ-เร่งบูรณาการ !!

786

นับแต่วันที่ 17 กันยายนเป็นต้นมา ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประกาศให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเป็นปัญหาใหญ่ พร้อมนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานเองและให้สัญญาว่าในระยะอันใกล้จะลดน้อยลงและจะหมดไปภายใน 4 ปี

แต่เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าภาพการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่เห็นไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม ตำรวจ กองทัพ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ต่างทำหน้าที่แบบต่างฝ่ายต่างทำไร้ซึ่งการประสานงาน

ยิ่งความเคลื่อนไหวของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณาสุข ที่บอกว่าได้ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ขีดเส้น 100 วันเสร็จสิ้น โดยดำเนินกิจกรรม 3 ด้านคือ 1.มีมูลนิธิธัญญารักษ์เป็นสถานบำบัดครอบคลุมทุกจังหวัด 2.มีหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดทุกจังหวัด 3.กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ

เพื่อรองรับโครงสร้างการทำงาน รวมถึงให้ทีมกฎหมายของกระทรวงฯพิจารณาเชิงวิชาการเรื่องครอบครองยาต่ำกว่า 10 เม็ดถือเป็นผู้เสพ มากกว่า 10 เม็ด เป็นผู้ค้า ทุกอย่างดำเนินการร่วมกับ ป.ป.ส.พิจารณา จะออกประกาศกฎกระทรวง ปลายเดือนธันวาคม

ถ้าพิจารณาถึงแนวทางนี้มองว่าได้ว่าเป็นรูปแบบๆที่ข้าราชการได้ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ค่อนข้างไร้ผล เพราะถ้ามองถึงความเป็นจริงสำหรับครอบครัวที่มีลูกหลานติดยาเสพติดแล้วนำเข้าบำบัด ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำสถานบำบัดต่างทราบดีว่าถ้าผู้เสพยาไม่สมัครใจเข้าบำบัดจะเลิกยาก บางคนสมัครใจเมื่อครบกำหนดออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ จะหันไปเสพยาอีก

แต่ส่วนใหญ่ที่เข้าบำบัดถูกพ่อแม่หรือผู้ปกครองบังคับ บางคนถูกจับกุมข้อหาเสพยา ถูกส่งเข้าสถานบำบัด พอครบกำหนดกลับออกไปจะหันไปเสพดังเดิม เป็นวัฏจักร ที่เจ้าหน้าที่สถานบำบัดทราบดี เพราะในชุมชนยังขายยาเสพติดตามปกติ

หาก นพ.ชลน่าน ประกาศกฎกระทรวงครอบครองต่ำกว่า 10 เม็ด เป็นผู้เสพไม่แน่ใจว่า นพ.ชลน่านเข้าใจสถานการณ์การแพร่ยาเสพติดในชุมชนทั่วประเทศแค่ไหน เพราะเกือบทุกชุมชนถ้ากรรมการชุมชนไม่เข้มแข็ง การขายยาเสพติดแทบจะเกลื่อนกลาด เพราะผู้เสพได้กลายเป็นผู้ค้ารายย่อยที่แก๊งค้ายาแจกจ่ายให้ไม่เกิน 10 เม็ดอยู่แล้ว

และที่งงงวย คือ การจำนวน กำหนดในกฎหมายเป็นเม็ด ถามกลับ ว่าถ้าผู้ผลิตหาช่องออก ผลิต 1 เม็ดให้ใหญ่ เท่ากับ ขนมคุ๊กกี้ 10 เม็ด คงมีน้ำหนักเป็น กิโลกรัม เหรอ .? โดยปกติ ฐานปริมาณยาเสพติด ต้องชั่งตามน้ำหนัก คือ กรัม กิโลกรัม หมอชลน้าน..!!!!ยังไง

บางพื้นที่ผู้เสพหรือผู้ค้ารายย่อย ตำรวจและฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดเลี้ยงเป็นสายไว้สร้างผลงานอยู่แล้ว

ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย เคยจัดสรรงบประมาณให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการเปิดสถานบำบัด ทางผู้ว่าฯบางจังหวัดใช้ค่ายอาสาสมัคร (อส.) เป็นสถานที่ มี อส.คอยควบคุม แต่ภายในค่ายกลับมีครอบครัวของอส.หรืออส.เป็นผู้ค้าเสียเอง การบำบัดจึงไร้ผลเปลืองงบประมาณ แต่ ผู้ว่าฯมีผลงานเป็นตัวเลขรายงานให้รัฐมนตรีฯทราบ

นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่เกิดขึ้นจริง นับแต่สิ้นยุคนักโทษชาย(น.ช.)ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถ้านายเศรษฐา ต้องการให้ยาเสพติดลดลงใน 1 ปี 4 ปีหมด ต้องใช้ยาแรง เหมือนยุครัฐบาลทักษิณ ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการ ก่อนลงมือจัดอีเว้นท์ประกาศให้คนทั้งประเทศได้ทราบว่าจะปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาด จากนั้นติดตามผลทุก 1 สัปดาห์หรือทุก 15 วัน

โดยขั้นแรกประกาศให้ผู้เสพสมัครใจเข้าบำบัดใช้ค่ายทหารเป็นสถานที่ ฝึกแบบทหาร ดึงเจ้าหน้าที่จิตเวชของกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปช่วยปรับสภาพจิตใจ

ส่วนผู้เสพที่ไม่สมัครใจให้ทางผู้ว่าฯสั่งการให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. นายกเทศมนตรี ฝ่ายปกครองและตำรวจ ร่วมกันเอกซเรย์ผู้เสพแล้วนำเข้าบำบัดแบบเดียวกัน

ขณะเดียวกันให้นโยบาย ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และ ปปง.เดินหน้าปราบปรามผู้ค้าแบบเฉียดขาด ถอนรากถอนโคนทุกพื้นที่ ปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดผู้ค้า เมื่อผู้เสพที่บำบัดถูกปล่อยออกมา ไม่สามารถที่จะหาซื้อยาเสพติดได้ ปัญหาจะค่อยๆลดลง นโยบายจะบรรลุเป้าตามที่วางไว้ แต่ในห้วงเวลาเดือนกว่าที่นายเศรษฐา ให้นโยบายไว้ มีแค่เพียงภาพแต่ละองค์กรจัดประชุมวางกรอบกิจกรรมต่างๆ เพียงเพื่อให้เห็นว่าได้เดินตามนโยบายแล้ว ส่วนการปราบปราม ทั้งตำรวจ ทหารและ ป.ป.ส.พอมีผลงานการจับกุมให้เห็นพอประมาณ แต่ยาเสพติดยังระบาดเหมือนเดิม ราคาซื้อขายยังถูกแบบปกติ

ตัวอย่างการบุกจับสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลา พอสะท้อนได้ชัดเจนว่าหลังจับกุมเจ้าหน้าที่พบยาเสพติดถูกโยนเกลื่อนกลาดทั้งในห้องน้ำและบนพื้น ยิ่งรัฐบาลมีนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงเพื่อรับท่องเที่ยวด้วยแล้ว การปราบปรามยาเสพติดต้องขับเคลื่อนให้เห็นผลโดยเพื่อรองรับ แต่ถ้าไม่เร่งปราบปราม สถานบันเทิงจะกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง

ดังนั้นเพื่อให้การแพร่ระบาดของยาเสพติดลดลงหรือหมดไป นายเศรษฐา ควรเอาใจใส่อย่างจริงจังเสียที เพราะชาวบ้านที่สมาชิกในครอบครัวตกเป็นทาสยาเสพติด ต่างเฝ้ารอด้วยความหวังจะได้ลูกหลานกลับมาเป็นคนปกติ เหมือนที่เคยสมหวังในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร !!!