วัดใจ”ป.ป.ช.”รับสอบปมตั้ง”ผบ.ตร.””นายกฯ-9 ก.ตร.”ระทึก”ผิด-ไม่ผิด”

19927

                         
         ขาฮาร์ดคอร์ ที่รอลุ้นซุปเปอร์บิ๊กเซอร์ไพรส์ ของนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ซึ่งประกาศช่วงเข้าไปบทบาททางคดีให้กับ ตำรวจ 8นาย ลูกน้องใกล้ชิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ฐานพัวพันเว็บไซด์พนันออนไลน์  ว่าจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในวันที่ 5 ตุลาคม ต่างผิดหวังไปตามๆกัน

      เพราะจากท่าทีขึงขังของนายอนันต์ชัย ต่างคาดเดากันว่าเรื่องที่ยื่นคงจะกล่าวหาระดับบิ๊กตำรวจบางคน ที่ถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เบากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อย่างแน่นอน

     แต่เมื่อถึงเวลากลับกลายเป็นว่าซุปเปอร์บิ๊กฯคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส  อดีต ผบ.ตร.หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เอาผิด นายเศรษฐา ทวีสิน นายรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)และ ก.ตร. 9 คน ฐานแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มารตา 258ง.(4)ระบุว่าการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตำรวจได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายและการพิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน ในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใดฯ

พร้อมอ้างอิง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 77 ผู้ที่ถูกเสนอชื่อควรเป็น พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1
 

ถึงแม้ว่าขาฮาร์ดคอร์จะผิดหวัง แต่เชื่อว่าชาวสีกากีส่วนใหญ่คงพอใจว่าช่วยกระตุกให้นายเศรษฐาและ ก.ตร.9 คน คือ ก.ตร.โดยตำแหน่งประกอบด้วย พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(ในขณะนั้น) นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ  และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายศุภชัย ยาวะประภาษ  นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ได้ตระหนักว่าผลโหวตนั้นขัดหลักกฎหมาย

    อย่างน้อยในการพิจารณาแต่งตั้งรองผบ.ตร.-ผู้บังคับการ(ผบก.)ที่จะมีขึ้นภายในเดือนตุลาคมนี้ ก.ตร.ที่ยังอยู่ในตำแหน่งได้ตรึกตรองและยึดมั่นในหลักกฎหมายบ้าง

    ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการสอบสวนแล้วรับเรื่องไว้พิจารณา โดยไม่อ้างว่าผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียแล้วไม่รับเรื่อง จะเป็นผลดีต่อองค์กรตำรวจอย่างมาก เพราะจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตำรวจไร้นาย ไร้เงิน แต่มีผลงาน ได้เห็นเส้นทางก้าวหน้าแล้วผลดีจะตกกับประชาชน
   
ประการสำคัญถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลว่าขัดรัฐธรรมนูญและผิดพ.ร.บ.ตำรวจฯ พร้อมส่งฟ้องศาล จะส่งผลดีในอนาคตคือนายกรัฐมนตรีจะไม่กล้าใช้อำนาจที่ฝืนความจริง ก.ตร.โดยตำแหน่งและ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ จะไม่ได้เป็นแค่เจว็ดหรือตรายาง

  ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรทั้งนายกฯและ ก.ตร.ทั้ง 9 คนคงลุ้นด้วยความระทึก และภายใน 1 ปี นับจากนี้ศึกชิงอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงระทึกไม่แพ้กัน

  เพราะถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้ว่า ไม่ผิด การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในอนาคต จะยึดแนวทางเดิมคืออาวุโสไร้ความสำคัญ ผบ.ตร.คนใหม่ จะเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่จะขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.ในเดือนตุลาคมนี้ โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือเรียนลัดมาโดยตลอดแบบ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน

 ถ้าชี้ว่าผิด ผบ.ตร.คนใหม่ปี 2567 จะชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในฐานะอาวุโสอันดับ 1 เว้นแต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พลาดพลั้งสะดุดขาตัวเองต้องกระเด็นออกรั้วสำนักปทุมวันเหมือนที่ผ่านมา 

    หรือในช่วงระยะเวลา 1 ปี  นับแต่นี้ อาจจะความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่กุมอำนาจ ด้วยการระเบียบหรือข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกตัวเองก็เป็นได้

    แต่ถ้าการแก้ระเบียบหรือข้อกฎหมายเพื่อวางทายาทสืบทอดอำนาจไม่ทัน อาจจะเลือกใช้ช่องทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก่อน นั่นคือการต่ออายุราชการให้ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล”อีกหนึ่งปีก็มีโอกาสเป็นไปได้

 เพราะควันหลงช่วงโหวตตั้ง ผบ.ตร. มี ก.ตร.บางคนคัดค้านที่นายเศรษฐา เสนอ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาวุโสอันดับ 4 โดยให้เหตุผลว่าขัดหลักกฎหมายตำรวจ ปี 2565 จน นายเศรษฐา ยอมถอย แล้วตั้ง พล.ต.อ.รอย นั่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ไปก่อน

  แต่เวลาผ่านไปพียงไม่กี่นาที นายเศรษฐาต้องกลับมาจุดเดิม คือเสนอ ชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้ ก.ตร.ลงมติเลือกเป็น ผบ.ตร. ด้วยมติเห็นด้วย 9 เสียงไม่เห็นด้วย 1 เสียง  โดยมาพร้อมกับเสียงนินทากระหึ่มโซเซียลว่า”ต้องทำให้จบ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จึงผงาด !!