จับกระแสสารพัดข่าวลือ เขย่า4แคนดิเดตชิง”ผบ.ตร.”เชื่อ”นายก-ก.ตร.”ยึดกฎหมาย

2767


                  คงชัดเจนแล้วว่าช่วงบ่ายวันที่ 27 กันยายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัด ก.ตร.ประชุมพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่ แทน พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์

                หากย้อนดูวาระแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ จะพบว่าสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยกำหนดมาแล้ว ในการประชุมก.ตร.ครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งถอนวาระออกไป โดยอ้างหลักธรรมาภิบาลให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นผู้พิจารณาคัดเลือก

                แต่ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถอนวาระ ที่ประชุมก.ตร.ถกเถียงกันอย่างหนักว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ต้องยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯปี 65 อย่างเคร่งครัด หากละเลยแต่งตั้ง รองผบ.ตร.ข้ามอาวุโส ก.ตร.เกรงว่าจะถูก รอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสกว่าฟ้องดำเนินคดีและมีโอกาสติดคุกยกทีม  เมื่อ ก.ตร.รุกหนัก พล.อ.ประยุทธ์ ยอมถอยถอนวาระออกไป  

       หลังจากนั้นก็มีข่าวลือสะพัดในสำนักปทุมวันว่าหลังถอนวาระมีการแจ้งไปยังบุคคลภายนอกที่รอลุ้น ว่าได้ทำให้แล้วแต่ ก.ตร.ไม่ยอม เพราะผิดกฎหมาย

       เมื่ออำนาจเสนอชื่อตั้ง ผบ.ตร.เปลี่ยนมาอยู่ในมือของ “นายเศรษฐา”ความเคลื่อนไหวของ รอง ผบ.ตร.บางคนพร้อมขาเชียร์ก็เปลี่ยนเวย์ มุ่งหน้าพรรคเพื่อไทย บางเวย์มุ่งหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า และบางเวย์พุ่งไปที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ    

    จนเกิดข่าวลือสะพัดทั้งในโลกโซเซียลและสำนักปทุมวันว่า มีความพยายามกรุยทางหวังให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสรั้งท้าย ผงาดนั่งเจ้าสำนักสีกากี

   ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือย้าย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 เกษียณปี 2567 ไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่เกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนนี้

  ขณะเดียวกันปล่อยข่าวว่ามีการทาบทาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 เกษียณปี 2574 ไปนั่งในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยินยอมแต่มีเงื่อนไขว่าไม่ขาดจากตำแหน่งเดิมและคงสิทธิ์ในตำแหน่งเดิมทุกประการ

   รวมถึงข่าวปล่อยว่าได้หารือขอให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร อาวุโสอันดับ 3 เกษียณอายุปี 2569 ให้อยู่ในที่ตั้งขอให้ปล่อยผ่านหากมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ โดยไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ ก.ตร.

   ขณะเดียวกันมีข่าวลือว่าผู้มีอำนาจในเพื่อไทยเคลื่อนไหวผ่านผู้ใหญ่บางคนไปเจรจาเกลี้ยกล่อม พล.ต.อ.รอย ให้ย้ายข้ามฟากไปนั่งเป็นเลขา สมช. เหมือนสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขอให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ย้ายไปเป็นเลขา สมช. เปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาน.ช.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็น ผบ.ตร.

  แต่จิ้งจกในห้องสำนักงานใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.รอย บอกว่า”เป็นเพียงข่าวลือ หากจะเกิดขึ้นจริงทาง พล.ต.อ.รอย ยืนยันว่าขออยู่ที่เดิม จะสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตำรวจ ขอลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

    หากไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายจะรับตำแหน่ง รองผบ.ตร.เหมือนเดิม และปฏิบัติตามที่ผบ.ตร.คนใหม่ในฐานะผู้บังคับบัญชาการสั่งการ แต่ทางกฎหมายจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมพร้อมกับฟ้องดำเนินคดีทุกกระทงกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างบรรทัดฐานการบังคับใช้กฎหมายและหวังให้ตำรวจนำไปเป็นบรรทัดฐานต่อสู้คดีเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม”

  ถ้ามองในความเป็นจริงข่าวลือก็คือข่าวลือ เชื่อว่าบรรดาตำรวจที่ได้รับข่าวนี้คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์
 

เพราะเชื่อมั่นว่าบรรดา 4 รองผบ.ตร.แคนดิเดต ผบ.ตร.คงไม่มีใครชกใต้เข็มขัดกัน ยิ่งมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการเลือกตั้งของตำรวจก็คงไม่มีใครเล่นบทสำรวยลืมคำด้วยการหันไปเล่นบทละเลยกฎหมาย ที่ระบุไว้ชัดเจนในส่วนของการแต่งตั้งที่บัญญัติไว้ว่า

ตามมาตรา 77(1)ระบุว่าตำแหน่งผบ.ตร.จะได้ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ. ซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผบ.ตร. และมาตรา78(1)ระบุว่าการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77(1)ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกข้าราชการตำรวจตามมาตรา77(1)โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน

 หากประธาน ก.ตร.และ ก.ตร.ละเลยทั้งสองมาตรา จะมีมาตรา 87 รองรับอยู่เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมฟ้องดำเนินคดีโดยท้ายมาตรานี้ระบุว่าผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี

    จากความเคลื่อนไหวในกระแสข่าวลือทั้งหมด เชื่อว่าเป็นเฟคนิวส์ไม่ได้เกิดขึ้นจริง  เว้นแต่ว่าถ้า ผบ.ตร.ไม่ได้ชื่อ”พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ข่าวปลอมก็จะเป็นข่าวจริง
 
แต่เชื่อว่าการประชุม ก.ตร.วันที่ 27 กันยายน นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร. รวมถึง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทุกคน ยึดมั่นในหลักกฎหมาย สร้างบรรทัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ตำรวจทั่วประเทศนำไปปฏิบัติได้และจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าการแต่งตั้งระดับ รองผบ.ตร.-สารวัตร จะเกิดความเป็นธรรมอย่างแน่นอน

 หากว่าชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ไม่ใช่”พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” แต่มีชื่อ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล”นั่งแทน อาจจะได้เห็นภาพที่ตำรวจไปล้อมหน้าล้อมหลังผู้มีอิทธิพล แบบภาพที่บ้านนายประวีณ จันทร์คล้ายหรือกำนันนก ย้อนกลับมาอีกรอบก็เป็นได้

  เพราะเมื่อหัวตั้งแบบไร้กฎกติกาหางก็ย่อมกระดิกส่ายไปส่ายมาเพื่ออนาคตและความก้าวหน้า !!!