จับตา“ครม.”สารพัดฉายา พิสูจน์ศักยภาพ“เศรษฐา” ฟื้น ศก.- กู้ศรัทธาประชาชน
แค่จัดทัพคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ถูกสังคม นักวิชาการรวมนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามดาหน้ากันออกมาตั้งฉายากันกระฉ่อนโลกโซเชียล อาทิ “ครม.หลากสี โดนแดง แป้งขาว เทานักเลง ครื้นเครงใบเขียว เยี่ยวม่วง”หรือ”เป็นงง ครูคุมทหาร ตำรวจคุมครู”หรือ”ได้นั่งเสนาบดีเพราะหิ้วถุงขนม” เป็นต้น
ขณะที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแบบลอยๆว่า
”ใครเห็นสมควรให้มีการตรวจฉี่ว่าที่รัฐมนตรีบางคนก่อนรับตำแหน่งบ้าง”
ปรากฏว่ามีเสียงตอบโต้จากนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี แคนดิเดตรัฐมนตรี ผู้โด่งดังในติ๊กต๊อก ด้วยบุคลิกหัวโยกหัวคลอน ระบุว่า”ไม่มีอะไร ให้ผมมาตรวจเลือดได้เลย ผมไม่อยากยุ่งกับนางอมรัตน์ เพราะผมไม่อยากเล่นกับพวกชกใต้เข็มขัด”
จังหวะเดียวกันก็มีแคนดิเดตรัฐมนตรีหลายคนก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีประวัติมัวหมอง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ถูกคำสั่งคสช.ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต่อมาก็ถอนคำสั่ง และนายพิชิต ชื่นบาน หัวหน้าทีมกฎหมายตระกูลชินวัตร อดีตจำเลยคดีละเมิดอำนาจศาล ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน เพราะมีข่าวหิ้วถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้าน จะไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล
รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจปมพัวพันยาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย เจ้าตัวจะชี้แจ้งว่า”มันคือแป้ง” จนกลายเป็นข้อกังขาของสังคมถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้มีเสียงนินทาถึงคุณสมบัติแคนดิเดตรัฐมนตรีบางคนว่ามีชื่อไปเอี่ยวกับแก๊งลำเลียงของผิดกฎหมายที่ใช้มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เป็นยานพาหนะ
แค่ปฐมบทในการฟอร์มครม.บรรดาแคนดิเดตรัฐมนตรีก็ถูกสังคมกังขาถึงความด่างพร้อย ยังไม่นับรวมกับเสียงครหาว่าน.ช.ทักษิณ ชินวัตร ถูกขังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็มีบทบาสำคัญในการจัดทัพด้วยจนเกิดวลี”ได้ดีเพราะพี่ดัน”
หากโผครม.เป็นจริงตามที่ปรากฏตามสื่อแขนงต่างๆ นายเศรษฐาจะต้องรับภาระหนักในการนำรัฐนาวาลำนี้ฝ่าพายุที่ตั้งเค้าพร้อมถล่มตลอดเวลา
“การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีเดิมพันสูงยิ่ง แกนนำพรรคยอมที่จะถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์ ยอมเลียน้ำลายที่บ้วนลงพื้น ด้วยการเดินหน้าจับมือกับพรรค 2 ลุงและพรรคร่วมรัฐบาลเก่า”
จนถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทย อาจจะพ่ายเลือกตั้งกลายเป็นพรรคเล็ก บางคนถึงขั้นตราหน้าว่าสูญพันธุ์
แต่เมื่อจับอาการของแกนนำพรรครวมถึงนายเศรษฐา ก็ไม่ได้ยี่หระ ต่อข้อสังเกตนี้แต่อย่างใด เพราะมั่นใจมั่นว่าจะโชว์ศักยภาพผลักดันนโยบายของพรรคให้เป็นจริงได้ ตามที่เคยทำมาสำเร็จสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
ยิ่งจับอาการของนายเศรษฐาดูเหมือนว่ามีความมั่นใจเต็มร้อย พลันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯก็ประเดิมการบ้านข้อแรกและข้อสำคัญที่สุดคือการกอบกู้เศรษฐกิจประเทศที่ซบเซาหนัก ด้วยการเดินสายเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวที่ภูเก็ต หารือเจ้าสัวใหญ่ที่ยึดกุมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อวางแนวทางบริหารจัดการโดยวางเป้าแจกช่วงเทศกาลสงกรานต์หวังให้เงินสะพัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ก็มีนโยบายอื่นๆอาทิ เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ลดภาระหนี้ประชาชน พักหนี้เกษตรกร 3ปี และยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น แต่มีนโยบายเพิ่มรายได้ให้ประชาชนข้อหนึ่ง ที่มองข้ามไม่ได้คือนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพหรือ 1ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์
นโยบายนี้ น.ช.ทักษิณ เคยเล่าในรายการแคร์ทอล์คกับพี่โทนี่ ว่า” อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระดมคนรุ่นใหม่ร่วมทีมเก็บข้อมูลเพื่อผลักดันนโยบายนี้ได้แล้วกว่า 20 ล้านครอบครัว ด้วยการสรรหาเสาหลักของครอบครัวที่มีความชำนาญเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 1 คน อาทิด้านดนตรี กีฬา หัตถกรรมและการเกษตร เป็นต้น มาฝึกฝนให้เกิดความเชี่ยวชาญจนสามารถสร้างรายได้หลักให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โชว์ความสามารถในการคิดค้นธุรกิจที่ถนัด ได้อย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลจะค่อยสนับสนุนด้านงบประมาณ ทำการตลาดให้ด้วย “
ถ้านโยบายนี้สำเร็จแกนนำเพื่อไทยบางคนมั่นใจว่าสามารถดึงคนรุ่นใหม่มาเป็นแฟนคลับได้มากขึ้นและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ยิ่งถ้านโยบายต่างๆที่เพื่อไทยได้สัญญากับประชาชนเป็นจริงเกือบทุกนโยบาย ฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นเหมือนยุคไทยรักไทยและเพื่อไทย โอกาสที่เพื่อไทยกำชัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็มีโอกาสสูงไปด้วยเช่นกัน
“ที่สำคัญเมื่อประชาชนมีความรู้สึกว่าอยู่ดีกินดี กระเป๋าตุงอีกคำรบ ศรัทธาต่อสถาบันสำคัญๆของประเทศก็จะกลับคืนมาดังเดิมได้”
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของ”เศรษฐา ทวีสิน”มากพอที่จะบริหารจัดการได้ลงตัวแค่ไหน เพราะนอกจากจะบริหารแบบประสานผลประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาลที่เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด แล้วยังต้องประสานผลประโยชน์ให้นายใหญ่เกิดความพึงพอใจอีกด้วย !!!