หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“ผบ.ตร.” ยันปฏิบัติการจับกุม "ตำรวจสันติบาล คลั่ง" เป็นไปตามยุทธวิธี ชี้!! การเจรจาล้มเหลวไม่สามารถหยุดยั้งได้

“ผบ.ตร.” ยันปฏิบัติการจับกุม “ตำรวจสันติบาล คลั่ง” เป็นไปตามยุทธวิธี ชี้!! การเจรจาล้มเหลวไม่สามารถหยุดยั้งได้

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีปฏิบัติการพิเศษจู่โจมจับกุมตัว พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ ตำรวจสันติบาล เป็นเหตุให้เสียชีวิตภายหลังว่า ผลการปฏิบัติพอใจหรือไม่ผมไม่ยากตอบ แต่ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้สูญเสียมากกว่า ตกใจเหมือนกันหลังทราบข่าวเพราะการเข้าจับกุมเป็นการเข้าควบคุมสถานการณ์ เราต้องการทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและผู้ก่อเหต กระทั่งมาทราบว่าเกิดการสูญเสียก็ขอแสดงความใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามยุทธวิธี เพราะได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ได้มีการเข้าดำเนินการปิดล้อมพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ บก.น.2 ต่อมาได้มี พล.ต.ธ.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เข้าไปควบคุมการปฏิบัติ มีการวางแผนการทำงานร่วมกับหมอจากกรมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยการวางแผนเจรจาปิดล้อมพื้นที่ นำประชาชนใกล้เคียงออกไปพักอาศัยด้านนอก พยายามดำเนินการทุกมิติ เราพยายามลดการสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย เหตุการต่อเนื่องมาเรื่อยๆ มีการเข้าดำเนินการก่อนรุ่งสางแต่ไม่เรียบร้อย ส่วนหนึ่งจากการเข้าดำเนินการได้รับคำแนะนำจากหมอเพราะจากการดูจากสภาพต่างๆ ยากต่อการเจรจา การเจรจาน่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เรายังพยายามหาโอกาสเจรจา และจากการเข้าพื้นที่ผมได้มีโอกาสเจจรากับตำรวจคนดังกล่าวจนทราบว่าไม่น่าจะเจรจาได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุบอกไม่วางปืนเด็ดขาดจึงยากที่จะคุยจึงเข้าปฏิบัติการจับกุม

“การสั่งการเป็นไปตามแผนกรกฎ โดยเป็นอำนาจของเจ้าของพื้นที่คือผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 โดยมีตัวผม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.ท.สำราญ ร่วมชี้แนะสนับสนุนการทำงาน ส่วนการใช้กระสุนจริง เมื่อผู้ก่อเหตุใช้กระสุนจริงเจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้กระสุนที่มีลักษณะที่เท่าเทียมกันเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน แต่เราก็มีกระสุนยางปืนไฟฟ้าเตรียมไว้ในกรณีที่เราสามารถหยุดยั้งอาวุธปืนเข้าได้ แต่ขณะเกิดเหตุเราได้รับรายงานขจากชุดปฏิบัติการพิเศษว่าไม่สามารถหยุดยั้งได้จึงต้องใช้ยุทธวิธีตามขั้นตอนมาตรการตามสัดส่วนความจำเป็นเพราะเจรจาไม่เป็นผลแล้ว” ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์นานเกินไปหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เผยว่า ตอบไม่ได้ว่านานเกินไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่แทบไม่ได้นอนเพราะต้องดูตามสถานการณ์ตลอดเจ้าหน้าที่ทำเต็มที่ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ได้รับรายงานจากหัวหน้าของสารวัตรกานต์ว่า เมื่อได้รับการแต่งตั้งมาทำงานด้านการข่าวก็สามารถทำงานได้ แต่มีลักษณะพิเศษด้านอื่นแต่ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่ 5 วันก่อนเกิดเหตุเขาไม่มาทำงาน มีการเล่นไลน์ลักษณะแปลกๆ ทางหัวหน้าได้ดำเนินการไปตามแนวทางนโยบาย ตร. เมื่อเห็นลูกน้องมีอาการผิดปกติจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานทาง รพ.ตำรวจ แต่ติดต่อไม่ได้จึงไปพบที่บ้านเพื่อนำไปรักษาโดยนัดแนะกับ รพ.ตำรวจแล้ว และพึ่งทราบว่าเขาเคยรักษาตัวที่ จ.เชียงใหม่

เมื่อถามว่าอาการผิดปกติทางจิตมาจากการเสพกัญชาหรือไม่เพราะพบอุปกรณ์การเสพในห้องพัก ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องให้หมอยืนยันอีกที เราไม่สามารถตอบแทนหมอได้ เมื่อถามว่า ผบ.ตร.เจรจากับผู้ก่อเหตุเขามีความคับแค้นใจอะไร ผบ.ตร.เผยว่า จากการเจรจาเขากังวลเรื่องถูกวางยาพิษ หรือจะถูกคนมาทำร้าย ในฐานะคนเหนือด้วยกันก็คุยกันดี แต่เมื่อขอให้วางปืน เขาไม่ยอม แต่รับว่าไม่ทำใครแต่จะต้องมีปืน ก่อนจะไปคุยเรื่องพระเจ้าจึงรู้ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายให้สอบสุขภาพจิตทางออนไลน์ทั่วประเทศ ผู้ก่อเหตุก็สอบผ่านหลุดจากกลุ่มเสี่ยงมาได้ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นำกลุ่มเสี่ยงมาวางแผนให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่ากลุ่มที่สอบสุขภาพจิตผ่านแล้วจะถือว่าปลอดภัย ใครที่เข้าข่ายน่าจะเป็นอันตรายต้องปรับระบบการทำงาน พยายามไม่ให้มีอาวุธปืน แต่ผู้ก่อเหตุคนนี้เคยผ่านการฝึกมา เรื่องการใช้อาวุธปืนเขาจะมีประสบการณ์ แม้กระทั่งการขอบุหรี่ เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปให้ ถ้าเขาไม่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบหรือเห็นตัวเขจาจะไม่ยอมต้องส่งให้ในจุดที่เราไม่ได้ประโยชน์ เขาเป็นคนฉลาด

เมื่อถามว่าเหตุการเข้าระงับเหตุถึงมีกระสุนเข้าตัวมากกว่า 1 นัด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ตอบว่า ขอตรวจสอบอีกที เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานเป็นลักษณะการระงับเหตุเข้าจับกุมและมีการยิงต่อสู้ และไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

ถามอีกว่ายืนยันได้หรือไม่ผู้ก่อเหตุไม่ได้เกิดความเครียดจากการทำงานหรือการสั่งงานของผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.ตอบว่าไม่มี เพราะเท่าที่ได้รับรายงานมาที่หมุนมาอยู่ที่ตำรวจสันติบาลเป็นการสมัครใจกันระหว่างหน่วยงานของกองบัญชาการศึกษา เพราะมองว่าผู้ก่อเหตุไม่เหมะกับงานวิจัยด้านวิชาการ ประวัติเขาอยู่ที่ บช.ปส. เห็นว่าเคยทำงานด้านการข่าว จึงส่งตัวมาอยู่ที่สันติบาล เมื่อมาทำงานที่สันติบาลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ก็ยังไม่มีเหตุอะไรน่ากังวล ส่วนทรัพย์สินประชาชนที่ได้รับความเสียหายยินดีชดใช้ค่าเสียหาย และได้สั่งการให้ตำรวจสันตอบาลประสานกับญาติเรื่องการจัดงานศพและเงินสวัสดิการที่จะได้รับตามสิทธิ์ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img