หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ผบ.ตร." เรียกประชุมไล่ล่า มือยิง ตำรวจ ป.รวบตัวได้แล้ว 1 ราย เพื่อนร่วมแก็งรับสารภาพ "ไอ้ฉุย" สั่งยิงสู้ตำรวจ

“ผบ.ตร.” เรียกประชุมไล่ล่า มือยิง ตำรวจ ป.รวบตัวได้แล้ว 1 ราย เพื่อนร่วมแก็งรับสารภาพ “ไอ้ฉุย” สั่งยิงสู้ตำรวจ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง (บก.ภ.จว.พัทลุง) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. บินด่วนร่วมประชุม พร้อมด้วย พล.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ติดตามความคืบหน้าคดีเหตุยิงปะทะเข้าปิดล้อมจับกุมคนร้ายที่แยกไฟแดงเขาชัยสน ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ต่อมาทางคนร้ายได้ขับรถหลบหนี และใช้อาวุธปืน M16 ยิงปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลทำให้ ด.ต.อนันต์ มีแสง ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ และ ด.ต.ชัชชัย พันธอู ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.จิรภพ ร่วมกันสอบปากคำนายพงศกร สุวรรณมะโณ หรือเจ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาที่ขับรถหลบหนี พร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 9 เข้าทำการเก็บพยานหลักฐานคราบเขม่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ โดยทางนายพงศกร สารภาพว่า นายจำรัส ได้สั่งให้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้กล่าวถึงคดีนี้ในที่ประชุมว่า ผู้ต้องหา นายจำรัส รายนี้มีพฤติกรรมเรื่องยาเสพติด ขายอาวุธปืนออนไลน์ มีหมายจับของศาลฯ และมีพฤติกรรม เป็นผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง จะต้องทำปราบปรามอย่างจริงจัง การกระทำผิดกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีลักษณะเป็นเครือข่าย อาทิ กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือบุกรุก และกระทำผิดเรื่องยาเสพติด รวมถึงความผิดเรื่องอื่น สร้างเครือข่าย ใช้คนในระดับล่างเป็นมือปืนให้ นายจำรัส รักษ์จันทร์ หรือฉุย เขาจันทร์ อายุ 49 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับการสูญเสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นหนี้บุญคุณเขา ต้องดูแลครอบครัวต่อไป ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องนำกรณีดังกล่าว นำมาเป็นอุทธาหรณ์ เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุวแก้ใขยุทธวิธี เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียในลักษณะแบบนี้อีก พร้อมหวังว่าหลังจากนี้จะนำบทเรียนจากกรณีนี้ มาปรับปรุงในการใช้ยุทธวิธีให้รอบคอบอเข้มข้นมากขึ้นเพื่อคำนึงถึงการปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวต่อไป” ผบ.ตร. กล่าวในที่ประชุม

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ทางพนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุ 4 คน คือ นายจำรัส รักจันทร์ หรือ ฉุย, นายอัฐพล ใหม่อ่อน หรือ รวย อายุ 21 ปร, นายเกรียงไกร หรือหนึ่ง ไชยพูล อายุ 27 ปี และนายพงศกร สุวรรณมะโณ หรือเจ อายุ 22 ปี ที่ถูกจับกุมได้ ข้อหาหลักร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน หากสอบสวนไปถึงใครก็จะจับกุมเพิ่มเติม พร้อมยึดของกลางรถ 4 คัน อาวุธปืน 4 กระบอก เครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และตามตรวจสอบวัตถุพยานเพิ่มเติม จัดชุด ร่วมบช.ก. และบช.ภ.9 ใช้ทุกวิธีการดำเนินการ

ตำรวจจะพยายามจับกุมดำเนินดคีให้ได้ทุกราย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีมีความอันตรายและก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตั้งใจยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอาวุธที่คนร้ายใช้ เป็นอาวุธปืน ซีเอ็มเอ็มจีขนาด 9 มม. อาวุธปืนโคลท์ 1 กระบอก อาวุธปืนเอสเค 2 กระบอก กระสุน รวมถึงปืน เป็นอาวุธสงคราม

“อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้บก.ป. และบช.ภ.9 เร่งรัดจับกุมคดี ที่เกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด การค้าอาวุธปืน ผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า และผู้มีอิทธิพล หรือซุ้มมือปืน ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทำหน้าที่ขับรถโดยเป็นลูกน้องของ นายฉุย จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในระดับหนึ่ง ซึ่งเขาจบการศึกษา ม.ต้น เรียน ปวช.ไม่จบ เหตุเกิดจากคบ เพื่อนใช้ยาเสพติดจึงเข้าไปอยู่ในขบวนการดังกล่าวโดยถูกเลี้ยงด้วยยาเสพติดวันละ 20 เม็ด และให้ช่วยส่งยาเสพติด ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่แบบนี้ มีประวัติเสพยาเสพติดและครอบครองยาเสพติด ส่วนเชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องหา 3 คนหรือไม่ ให้การเป็นประโยชน์ ขณะเกิดเหตุอยู่ในรถกระบะยี่ห้อมิตซูมิชิ รุ่นไทรตัน ที่ยิงปะทะจุดแรก ไม่ใช่รถกระบะก่อเหตุคือรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ในจุดปะทะจุดที่ 2 ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ต้องตามจับกุมตัวมาให้ได้”

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังได้กล่าวอีกว่าส่วนการดูแลตำรวจเสียชีวิตนั้น โดยทางกองทุนสวัสดิการตำรวจ จะดูแลครอบครัวดูแลทายาท ลูกคนโตเป็นตำรวจเมื่อจบการศึกษา ดูแลเหมือนเป็นครอบครัว ให้บช.ก. ได้เงินช่วยเหลือจำนวน 2,367,360 บาท ส่วนคนเจ็บได้รับเงินจำนวนหนึ่งดูแล ผบ.ตร. กล่าว

ในขณะที่มีรายงานระบุว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีดังรายงานความคืบหน้าการดำเนินการ โดยแบ่งออกเป็น 2 คดี แบ่งออกเป็นคดีชันสูตรพลิกศพ ด.ต.อนันต์ เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุคือนายวัชระ รัตนสุวรรณ อายุ 47 ปี เสียชีวิต สอบสวนปากคำบุคคลเบื้องต้น 5 ปาก เป็นเครือญาติคนร้ายที่เสียชีวิต ส่วนการติดตามจับกุมร้ายนั้น มีการตรวจค้นหลายจุด ล่าสุดสามารถ จับกุมนาย เจ เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด เป็นเครือข่ายยาเสพติดซึ่งเคยจับกุมได้กว่า 1 ล้านเม็ด สามารถจับกุมได้ 359 คดี

สำหรับคดีใน ภ.จว.พัทลุฃง นั้นมีระบาดของยาเสพติดสูงขึ้นมากที่สุด ซึ่งมีเครือข่าย 27 เครือข่ายที่สำคัญ โดยมีเฉพาะ 7 เครือข่ายที่ต้องขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม ส่วนใหญ่ถูกจับกุมได้ทั้งหมดแล้ว โดย 1 ใน 7 เครือข่ายเฉพาะนายจำรัส รักษ์จันทร์ หรือฉุย เขาจันทร์ อายุ 49 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุยิง ด.ต.อนันต์ เสียชีวิตยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ ถือเป็นเครือข่ายรายใหญ่ ของมจ.สงขลาและจ.พัทลุง ส่วนคดีอาวุธปืนจับได้ 271 หมายจับ

มีรายงานว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นำกำลังตำรวจสอบสวนกลาง สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 9 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ล่าสุดขณะนี้ สามารถจับกุมตัว นายพงศกร หรือ เจ สุวรรณมะโณ อายุ 22 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับได้ หลังทราบว่าหลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ก่อนพาตัวเข้าขี้จุดซ่อนอาวุธปืนภายในสวนปาล์มท้ายวัดท่าควาย ซึ่งจากการพาเข้าตรวจค้น พบอาวุธปืนในการก่อเหตุจำนวน 2 กระบอก ประกอบด้วย ปืนเฮชเค 1 กระบอก และ ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก ซุกซ่อนในกอหญ้าใต้ต้นปาล์มและต้นกล้วย

เบื้องต้นจากการสอบปากคำ นายพงศกร หรือเจ ให้การรับสารภาพว่า อยู่ร่วมในขณะเกิดเหตุจริง โดยนั่งโดยสารอยู่ภายในรถกระบะมิตซูบิชิไทตัน คันหน้าที่ขับปาดปิดหน้ารถตำรวจ โดยมีนายอัฐพล หรือ รวย เป็นคนขับ แต่อ้างว่าไม่ได้เป็นคนยิง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ขับรถมาจอดทิ้งไว้ที่ทางเข้าสวนปาล์ม ก่อนเดินเท้าเข้าไปภายใน แล้วทิ้งอาวุธปืนไว้ที่จุดดังกล่าว จากนั้นจึงเดินตัดทุ่งนาข้ามมานอนพักอยู่ในขนำสวนยางที่ห่างออกไปไม่มาก ก่อนรุ่งเช้าจะติดต่อให้พ่อขับรถมารับพากลับไปซ่อนตัวที่บ้านพักใน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา จากนั้นนายอัฐพล จึงแยกย้ายหลบหนีไปอีกทาง

นอกจากนี้ นายพงศกร ยังรับอีกว่า สาเหตุที่นัดมารวมตัวกันในพื้นที่บ้านท่าควาย อ.เขาชัยสน ก็เพื่อมาเป็นเพื่อน นายวัชระ หรือ ดำ ที่ยกขบวนมาสู่ขอแฟนสาว ไม่ได้เป็นการรวมตัวกันเพื่อเตรียมรับงานยิงคนตามที่มีการกล่าวอ้าง พร้อมยังอ้างอีกว่านายจำรัส เลิกรับงานยิงคนนานหลายปีแล้ว ส่วนที่ต้องก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ นายจำรัส เห็นรถของเจ้าหน้าที่ขับวนผ่านหน้าบ้านผิดสังเกตุเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่อริเก่า จึงรีบขับรถตามปิดหัวปิดท้ายประกบยิง โดยไม่ได้ทันคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการยิงปะทะกันดังกล่าว ยังส่งผลให้ นายอัฐพล เพื่อนของตนได้รับบาดเจ็บที่ยิงเข้าที่ฝ่ามืออีกด้วย

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img