ที่พรรคเพื่อไทย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงกรณีการเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ว่า ตนจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากอัยการสูงสุด ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เพื่อถูกส่งตัวฟ้องคดี ซึ่งจะได้วางเงินประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี โดยยืนยันว่า ไม่ได้ดำเนินการตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง หลังการรัฐประหารปี 2549 โดยที่การไต่สวนไม่ได้ยึดหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่มุ่งหมายเอาผิดที่ตนเป็นสำคัญ ซึ่งมีการข่มขู่พยานที่ไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ นายวัฒนา กล่าวถึง 5 ข้อพิรุธในการตรวจสอบคดี
“คดีมีความล่าช้าถึง 12 ปี ทั้งที่ี่เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือ สอบพยานบุคคลเพื่อดำเนินคดี การเรียกรับประโยชน์ และคดีนี้ปปช.ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดโดยไม่มีการแถลงข่าวให้ทราบถึงมติของปปช. ไม่มีการประกาศในเว็บไซต์เหมือนที่ปฏิบัติกับคดีทั่วไป นายณรงค์ รัฐอมฤต เจ้าของสำนวนอ้างว่าไม่ต้องการให้ตนร้องขอความเป็นธรรม เพราะจะทำให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดไม่ได้ ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม เนื่องจากความผิดตามมาตรา 148 มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต จึงเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาที่จะขอความเป็นธรรม” นายวัฒนา กล่าว
นายวัฒนา กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยังเห็นว่าการดำเนินคดีมีการเลือกปฏิบัติ โดยมุ่งเอาผิดที่ตนฝ่ายเดียว ทั้งที่ข้อกล่าวหาว่าสั่งการให้ออก TOR โดยไม่ชอบ ฝ่ายปฏิบัติคือผู้ว่าการและคณะกรรมการจะต้องมีความผิดด้วย แต่สุดท้ายคดีนี้จนถูกฟ้อง เพียงคนเดียว รวมถึง ข้อกล่าวหาในชั้นปปชที่มีการเปลี่ยน จากการเรียกรับผลประโยชน์ เป็นประเด็นรู้เห็นเป็นใจเพราะไม่มีพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับตน
“ยืนยันความบริสุทธิ์ และไม่รู้สึกกังวลกับการต่อสู้คดี โดยพร้อมที่จะพิสูจน์คดีในชั้นศาล ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล เพราะที่ผ่านมาไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบจากองค์กรที่มีการแทรกแซงโดยคณะรัฐประหาร ทั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) , ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด” นายวัฒนา กล่าว