หน้าแรกทั่วไทย"ผศ.ดร.พีระศักดิ์" อวดโฉม สตรอว์เบอร์รี พันธุ์พระราชทาน 89 พวอ.พัฒนาสายพันธุ์ต่อเนื่อง คุณค่าทางโภชนาการสูง

“ผศ.ดร.พีระศักดิ์” อวดโฉม สตรอว์เบอร์รี พันธุ์พระราชทาน 89 พวอ.พัฒนาสายพันธุ์ต่อเนื่อง คุณค่าทางโภชนาการสูง

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผอ.สถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยนเรศวรเปิดเผยว่า ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อ.มงคล ศิริจันทร์ อาจารย์ประจำคณะเกษตรฯม.นเรศวร ภายใต้ทุนวิจัยและพัฒนาเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว) มหาวิทยาลัยนเรศวรและมูลนิธิโครงการหลวง อวดโฉม สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89 ลูกใหญ่ เนื้อแน่นสีแดงเข้ม หวานหอม แถมมีสารแอนโทไซยานิน(สารต้านอนุมูลอิสระ) สูงกว่าสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ที่ขายในท้องตลาดทั่วไป 1-2 เท่า

ผศ.ดร.พีระศักดิ์ เปิดเผยอีกว่าสำหรับ สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89 เป็นสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ใหม่ล่าสุด เป็นพันธุ์ลูกผสมซึ่งถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้น ภายใต้โครงการวิจัย “การปรับปรุงพันธุ์สตรอว์เบอร์รีเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพในการผลิตแอนโทไซยานินและการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ” (เป็นโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงและมหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้การสนับสนุนทุนจากโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม(พวอ.) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี พ.ศ.2557-2561) โดยในปี 57 ได้ใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร ทดลองผสมพันธุ์ระหว่างสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ 329 ซึ่งเป็นสายพันธุ์พ่อ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กรมส่งเสริมการเกษตรนำเข้ามาจากประเทศอิสราเอล เมื่อปี 42 มีลักษณะเด่นคือ ผลมีลักษณะรูปทรงกรวยปลายตัด ขนาดใหญ่ ผิวผลหนา มีสีแดงอมส้ม ผิวทึบแสง เนื้อในกลวง มีความแน่นเนื้อสูง มีรสเปรี้ยวอมหวาน กรอบ น้ำน้อย เส้นใยมาก และมีกลิ่นหอม ไม่นิยมรับประทานสด ช้ำยาก ทนทานต่อการขนส่ง เหมาะสำหรับการแปรรูป และสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 80 ซึ่งเป็นสายพันธุ์แม่ ที่ถูกปรับปรุงและคัดเลือกพันธุ์โดยมูลนิธิโครงการหลวงตั้งแต่ปี 45 เป็นพันธุ์ลูกผสมจากประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นคือ ผลเป็นทรงกรวยถึงทรงกลมปลายแหลม ขนาดปานกลางถึงใหญ่ น้ำหนักผลเฉลี่ย 15 กรัมต่อผล ผิวผลมีสีแดงสด เนื้อในเต็ม มีความแน่นเนื้อปานกลาง มีกลิ่นหอมรสชาติหวาน มีความหวานเฉลี่ย 10-13 องศาบริกซ์ (º Brix) เหมาะสำหรับใช้รับประทานสด หลังจากทำการผสมพันธุ์สตรอว์เบอร์รีทั้งสองสายพันธุ์แล้ว จึงนำเมล็ดลูกผสมทั้งสิ้น 300 เมล็ดมาเพาะต่อที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์ (เขาค้อ) จังหวัดเพชรบูรณ์

ต่อมาในปี 60 ได้เริ่มปลูกและคัดเลือกต้นสตรอว์เบอร์รีลูกผสมเหล่านั้นโดยคัดเลือกจากต้นที่มีลักษณะสมบูรณ์ แข็งแรง ผลมีลักษณะแดงเข้ม ขนาดผลปานกลางถึงใหญ่ มีความแน่นเนื้อสูง มีกลิ่นหอม และมีศักยภาพในการสร้างสารแอนโทไซยานินสูง ได้ทั้งหมด 2 ต้นจาก 300 ต้น และได้ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนต้น ที่โรงเรือนปลูกทดสอบสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี ในต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยใช้ส่วนของไหล จนได้จำนวนทิ้งสิ้น 500 ต้น จากนั้น ในปี 61-63 จึงคัดเลือกและทดสอบพันธุ์ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ จนได้พันธุ์ที่มีความคงที่ และมีลักษณะผลสีส้มแดงถึงแดงเข้ม น้ำหนักผลเฉลี่ย 20.60 กรัม ความแน่นเนื้อเฉลี่ย 4.22 นิวตัน ความหวานเฉลี่ย 12.30 องศาบริกซ์ มีกลิ่นหอม ทนต่อการขนส่งและมีปริมาณแอนโทไซยานินสูง รวมเฉลี่ย 40.83 มิลลิกรัม/100 กรัม น้ำหนักสด (มีการวิจัยพบว่าแอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึง 2 เท่า ลดอาการอักเสบ ช่วยปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดได้ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด) ซึ่งสูงกว่าพันธุ์การค้าทั่วไป 1-2 เท่า ดังนั้นจึงเหมาะแก่การนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ซึ่งสตรอว์เบอร์รีลูกผสมใหม่นี้ได้รับพระราชทานนามว่า”สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89″

ลักษณศักดิ์ โรหิตาจล : ภาพ/ข่าว

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img