
วันที่ 21 กันยายน 2564 ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติผ่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 (Smart Safety Zone 4.0) มีพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สยศ.ตร. และเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เปิดโครงการผ่านระบบออนไลน์ (Virtual Event)

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผมเชื่อว่าหลายๆ คนจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นในเรื่องของโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ในวันที่ได้แถลงนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการพูดถึงเรื่องของการจะทำอย่างไรที่จะลดความหวาดกลัวภัยให้กับพี่น้องประชาชน ความท้าทายของการทำงานในปัจจุบันก็จะทราบว่าด้วยสภาพงบประมาณที่จำกัด ด้วยสภาพของระบบราชการ ซึ่งไม่สามารถที่จะเพิ่มกำลังพลได้มากนัก และการเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบัน อาจจะมีปัญหาในหลายๆ ด้าน รวมถึงการมาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันแบบก้าวกระโดด เรามีความท้าทายที่จะต้องหาโซลูชั่นหรือกระบวนคิดวิธีการทำงานใหม่ๆ เพื่อจะให้บรรลุวัตถุประสงค์
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อก่อนนี้เรามีศัพท์ทางวิชาการเรียกว่าคอมมูนิตี้โปลิศซิง หมายถึงกิจกรรมตำรวจชุมชน เรามีเรื่องการทำความปลอดภัยให้เกิดขึ้นโดยใช้ลักษณะทางกายภาพ แต่วันนี้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ทุกอย่างที่เอามารวมกันเราถึงได้เป็นต้นกำเนิดของโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 นี้ขึ้นมา ท่านอาจจะเคยได้ทราบว่าในตำรวจนครบาลเมื่อปีที่ผ่านมา เรามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไปแล้ว 9,138 ตัว แล้วเรากำลังจะติดใหม่อีก 8,500 ตัว แต่ถามว่าโครงการนั้นกับสมาร์ทเซฟตี้โซนเหมือนกันไหม ถ้าเรามองดีๆ 9,138 ตัว กับ 8,500 ตัว อันนั้นวัตถุประสงค์ก็ติดเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เป็นประโยชน์ฝั่งหนึ่งของตำรวจในการจับกุมคนร้าย แต่สมาร์ทเซฟตี้โซน เป็นมากกว่านั้น เป็นส่วนหนึ่งของ concept ที่เรียกว่าสมาร์ทซิตี้ ในยุคสมัยนี้ประชากรโลก 7,800 ล้าน องค์การสหประชาชาติบอกว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโดยประมาณ เราจะมีประชากรเพิ่มเกือบ 2,000 กว่าล้านคน ในปริมาณคนขนาดนี้ การบริโภคทรัพยากรหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความขาดแคลน concept ของสมาร์ทซิตี้ อาจจะมีเรื่องของการใช้พลังงาน สาธารณสุข การจัดการกับสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย การเคลื่อนย้ายของคน การเดินทาง หลายๆ อย่าง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินก็เป็นส่วนหนึ่งของสมาร์ทซิตี้ ถ้าเราอยู่ด้วยความหวาดกลัวภัย ไม่ว่าจะมีความเจริญมากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม ความสงบสุขก็ไม่เกิด ในconcept ของสมาร์ทซิตี้ หรือสมาร์ทซีเคียวริตี้ หรืออะไรก็ตาม แต่ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความมีส่วนร่วมของทุกคน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีอนามัย ก็เป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานที่จะทำให้เกิดความสงบสุขในสังคม เรามีโครงการทั้งหมด 15 สถานีตำรวจ แต่อยากให้มองว่าเป็นโครงการทดลอง เป็นโครงการนำร่อง เป็นแซนบล็อกที่เราจะเอากระบวนการทำงานใหม่ๆ มาใส่ลงไป เอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่เราได้คัดสรรแล้วใส่ลงไป ปัจจัยสำคัญอีกประเด็นหนึ่งนอกจากความร่วมมือก็คือเรื่องการปรับตัวในโลกอนาคต คำว่าผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่แข็งแรง ผู้ที่อ่อนแอจะต้องพ่ายแพ้สูญเสียไป ก็อาจจะไม่ใช่แค่นั้นแล้วในโลกอนาคต ผู้แข็งแรงอย่างเดียวไม่พอต้องมีความสามารถในการปรับตัวด้วย โครงการของเราก็เหมือนกันทุกคนมีส่วนร่วมในความล้มเหลวหรือความสำเร็จของโครงการนี้ อันที่สองเราต้องมีการประเมินและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ทำไมเราไม่เริ่มทีเดียวพร้อมกันทั่วประเทศ ก็เพราะว่าเราจะต้องหาจุดที่ลงตัวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งไม่เหมือนกัน เรามีสังคมที่เป็นเมือง สังคมกึ่งชนบท และสังคมชนบท ในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน แต่หลักใหญ่ใจความคือเราตัดเสื้อตามรูปร่าง ฉะนั้นแต่ละพื้นที่แต่ละส่วนก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่าง จะทำจากเล็กไปหาใหญ่ เราจะทดลองเป็นขั้นเป็นตอน หาโซลูชั่นที่ดีที่สุดลงไปในแซนบล็อกที่เราเตรียม ด้วยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายภาคเอกชน พี่น้องประชาชน ผู้นำชุมชน ผู้แทนประชาชนทั้งส.ส. ส.ก. ส่วนราชการต่างๆ ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ทุกๆ ภาคส่วนตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่ง ในการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการอันนี้ แล้วก็จะตามมาด้วยอีกหลายๆ โครงการ
ผบ.ตร. กล่าวว่า ในโลกดิจิตอลท่านอาจจะได้ยินคำว่าแพลตฟอร์ม เรามีแพลตฟอร์มเยอะแยะไปหมด ถ้าเมื่อ 6-7 ปีก่อนมีคนมาถามว่าคิดว่าโซเชียลมีเดียจะมีผลต่อสังคมไทยมากน้อยแค่ไหน ผมเชื่อว่าท่านอาจจะนึกไม่ออก แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว ท่านจะเห็นว่าวันนี้มันมีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ ต่อชีวิต ต่อการศึกษา ต่อทุกๆ อย่างของคนในสังคมเรา ในชุมชนที่เราจะสร้าง เราก็จะสร้างดิจิตอลแพลตฟอร์ม เพื่อเชื่อมต่อคนทุกคนในชุมชนเข้าด้วยกัน เป็นการสื่อสารสองทาง นอกจากเทคโนโลยีที่จะใส่เข้าไป อย่างที่วีดีทัศน์ที่เราได้เห็นเมื่อสักครู่ จะมีอะไรอีกมากมายที่เราจะลงมาทดลองแล้วใช้งาน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้ว อีกหลายปีจากนี้ไปอาจเห็นอะไรที่ก้าวกระโดดกว่านี้เยอะแยะ AI ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยมันจะมีอะไรที่ชาญฉลาดกว่านั้น แม้แต่ระบบการเงินอีกมากมาย
“ผมเชื่อว่าถ้าเราทำงานด้วยกันมีการปรับปรุงปรับตัวตลอดเวลา โครงการนี้ก็จะประสบผลสำเร็จวันนี้ไม่ใช่วันที่เราจะมาประกาศความสำเร็จของโครงการนี้ แต่วันนี้เป็นวันที่ประกาศว่าเราจะเริ่มตั้งไจทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จนกว่าโครงการนี้จะบรรลุวัตถุประสงค์ บรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ก็เพื่อความสงบสุข ความผาสุกของพี่น้องประชาชน” ผบ.ตร. ระบุ
จากนั้นมีสัมภาษณ์พิเศษของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ร่วมกับ ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สส.เขต 2 กทม. , ดร.ภาสกร ประถมบุตร รอง ผอ.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) , และ นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ นักจัดรายการโทรทัศน์ ในหัวข้อ “เปลี่ยนที่เปลี่ยวให้เป็นที่ปลอด(อาชญากรรม) ตามแนวทาง Smart City” โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ขับเคลื่อนบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และตัวชี้วัดสากล “WORLD INTERNAL SECURITY and POLICE INDEX : WISPI” เป็นการใช้การป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกนำการปราบปราม
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ได้มอบหมาย ให้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร., มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ. 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะขับเคลื่อนโครง-การสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ซึ่งได้คัดเลือกสถานีตำรวจนำร่องทั่วประเทศจำนวน 15 สถานี ประกอบด้วย สน.ลุมพินี , สน.ห้วยขวาง , สน.ภาษีเจริญ , สภ.ปากเกร็ด , สภ.เมืองสมุทรปราการ , สภ.เมืองพัทยา , สภ.เมืองระยอง , สภ.เมืองปราจีนบุรี , สภ.ปากช่อง , สภ.เมืองอุดรธานี , สภ.เมืองเชียงใหม่ , สภ.เมืองพิษณุโลก , สภ.เมืองราชบุรี , สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.หาดใหญ่ โดยคัดเลือกพื้นที่ที่เป็นแลนด์มาร์ค แหล่งเศรษฐกิจ และพื้นที่ที่ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมมาสร้างเป็นพื้นที่ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน
ทั้งนี้ คณะทำงานได้นำผลสำรวจพีเพิลโพล (People Poll) และข้อเสนอแนะจากประชาชน มาพัฒนาการดำเนินโครงการ เพื่อสามารถปรับปรุงการทำงานของตำรวจให้ตรงกับสภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้ 1.) สำรวจกล้อง CCTV ในพื้นที่ ปรับมุมกล้อง และบูรณาการการใช้งานกล้องร่วมกันพร้อมติดตั้งเพิ่มเติม, 2.) นำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม เช่น มีการติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับใบหน้า และกล้อง AI ตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น, 3.) ติดตั้งเสาสัญญาณ SOS เพื่อประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ทันที
4.) จัดทำห้องปฏิบัติการ CCOC โดยเชื่อมสัญญาณจากกล้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานราชการ และเอกชนมายังห้องปฏิบัติการและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่อคอยควบคุมสั่งการได้ตลอด 24 ชั่วโมง, 5.) ใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการสื่อสาร เช่น POLICE 4.0 , POLICE I LERT U , Line OA , แจ้งความออนไลน์ รวมถึงการสร้าง Cyber Village เป็นต้น, 6.) ร่วมกับหน่วยงานในท้องที่ปรับภูมิทัศน์ของพื้นที่เสี่ยงให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เช่น ตัดแต่งต้นไม้กิ่งไม้ในพื้นที่รกร้าง ขีดสี ตีเส้น ทำความสะอาดพื้นที่ ติดไฟส่องสว่าง เป็นต้น และ 7.) แสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างกลไกการมีส่วนร่วมจากประชาชนในการช่วยป้องกันอาชญากรรม

โครงการ สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ช่วงระยะแรกใน 15 สถานีนำร่อง ได้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสนับสนุนของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันสร้างมิติใหม่แห่งความปลอดภัย “เปลี่ยนที่เปลี่ยวให้เป็นที่ปลอด(อาชญากรรม) ตามแนวทาง Smart City” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน ซึ่งในระยะที่สอง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ขยายโครงการเข้าสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยคัดเลือก 1 พื้นที่ 1 จังหวัด และมอบหมายให้ 15 สถานีนำร่องเป็นสถานีต้นแบบในพื้นที่ของตนเองในการขับเคลื่อนโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ให้เกิดขึ้นทั่วทุกจังหวัดต่อไป

