นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่า ไม่ทราบว่านายสนธยา จะมาดูแลงานส่วนไหน เท่าที่ทราบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะให้นายสนธยา เข้ามาช่วยงานในด้านโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งเหมือนกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทุกคนที่มีที่ปรึกษา แต่นายกฯสามารถมีได้ถึง 5 คน ตามตำแหน่งที่ระบุมากว่า 20-30 ปี โดยจะได้รับเงินเดือนจะได้ประมาณ 60,000-70,000 บาท ส่วนนายอิทธิพล คุณปลื้ม ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เงินเดือนประมาณ 50,000 บาท แต่ต้องเสียภาษีตามปกติ ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไม่ได้มีการพูดถึงคุณสมบัติ เนื่องจากมีการตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอมา
นายวิษณุ กล่าวต่อไปว่า การที่นายสนธยา เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็ไม่ได้ขัดกับการเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งในสมัยรัฐบาลเลือกตั้งก็เป็นกันเช่นนี้ แต่หากเป็น ส.ส.ไม่สามารถเป็นได้ ในส่วนที่มีบางฝ่าย มองถึงความเหมาะสมในความเป็นกลาง เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงใกล้การเลือกตั้งนั้น ตนไม่ทราบ แต่
เมื่อถามว่า การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ขัดต่อการรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า ไม่ขัดกฎหมาย สมัยก่อนเคยมีแบบนี้ แต่หากเป็นส.ส.มาเป็นไม่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าวันหนึ่งประกาศวันเลือกตั้ง นายสนธยา จะลาออกไปสมัครส.ส.ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในอนาคตเมื่อมีการประกาศเลือกตั้ง นายสนธยา ต้องลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ เพื่อไปลงรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่นั้น ไม่มีความจำเป็น เช่นเดียวกับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ไม่ต้องลาออก แต่ในตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า จะต้องลาออกก่อน 90 วัน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ส่วนที่มีการมองว่า เป็นการหาแนวร่วมเพื่อสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้งนั้น ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเอง
ทางด้าน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ขณะนี้ นายอิทธิพล ยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเหตุผลที่เลือกนั้น ขอให้รอพิสูจน์ผลงานดีกว่า โดยนายอิทธิพล เป็นอดีตนายกเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและตอนนี้ภาระงานของตน เฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวก็มีตั้ง 2,200 กิจกรรมต่อปี ถ้ามีคนมาช่วยได้ก็ดีทั้งนั้น ซึ่งตนนั้นรู้จักกับนายอิทธิพล เคยเห็นฝีมือการทำงานมาก่อนและเคยทำงานด้านกีฬาร่วมกัน
เมื่อถามว่า ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการเมืองใช่หรือไม่ เพราะนายอิทธิพลเองอยู่ในสายของพรรคพลังชล นายวีระศักดิ์ ตอบสั้นๆว่า “ไม่”
เมื่อถามว่า ช่วงนี้มีการดึงตัวนักการเมืองเพื่อแลกกับตำแหน่ง นายวีระศักดิ์ ตอบว่า “คงไม่เกี่ยวกับผม ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของผมอยู่นี่”
เมื่อถามว่า เป็นความต้องการของนายวีระศักดิ์เองหรือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เสนอมา นายวีระศักดิ์ ตอบ “เอาเป็นว่า จะมีคนมาเท่าไร สามารถใช้งานได้หมด”
เมื่อถามอีกรอบว่า นายวีระศักดิ์ เป็นคนชวนนายอิทธิพลมาเองใช่หรือไม่ เขากล่าวว่า ตนไม่ใช่เจ้าของกระทรวงแต่ถ้าจะให้โควตาดึงใครมาเพิ่มอีก ตนก็ยินดี ทั้งนี้การแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ต้องเห็นชอบก่อนจะมาที่เจ้ากระทรวง ยืนยันว่า ตนไม่ได้ติดใจว่า นายอิทธิพลจะมายังไง อยากรู้เพียงว่า สามารถทำงานร่วมกันและรับถ่ายโอนอำนาจ จัดการงานให้ตนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนี้งานเยอะจริงๆ แต่เจ้าหน้าที่มีเท่าเดิม และกระทรวงตน ก็ไม่ได้มีรัฐมนตรีช่วย
“ก็ไม่ใช่หน้าที่ของผม ที่ต้องอธิบายทั้งหมด ผมไม่ได้ทราบที่มาทั้งหมด แต่บอกได้เท่าที่ผมรู้ส่วนข้อครหาที่บอกว่ามีการจัดตั้งรัฐบาลในทำเนียบนั้น ผมไม่ทราบ แต่ละวันผมทำแต่งานของผม ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครเลย” นายวีระศักดิ์ กล่าว