นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แถลงการณ์เรื่อง “ขอให้หยุดเผยแพร่และทำลายหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยที่บิดเบือนความจริง” โดยระบุว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายของหนังสือคือ 1.ตอบสนองเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ 2.ตอบสนองความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย นั้น แต่ข้อเท็จจริงตามที่ได้ปรากฎในโลกโชเชียลมีเดียเป็นการทั่วไปกลับ ขัดแย้งกันในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กับทางวิชาการ มีข้อมูลที่ผู้ไม่ประสงค์ปรองดองใช้มาโจมตี มีการพูดถึงการกำเนิดรัฐไทย ที่ไม่สอดคล้องกัน ขณะที่เนื้อหาในเรื่องการเมือง ตอนหนึ่งระบุถึงการดำเนินนโยบายแบบประชานิยม และนายทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินนโยบายเน้นโปร่งใส แต่ใช้นโยบายประชานิยม แต่กลับพูดถึงการเข้ามาของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำการรัฐประหารเพื่อขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ความว่า … “..พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง…”
เนื้อหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่ไม่อาจยอมให้โกหกกันได้อีกต่อไปแล้ว เพราะการปฎิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองในขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงม๊อตโต้โฆษณาชวนเชื่อของ คสช.เท่านั้น การเขียนรัฐธรรมนูญก็ถอยหลังลงเหวไปไกลมาก มีการซ่อนเร้นเนื้อหาเพื่อปูทางให้มีการสืบทอดอำนาจ และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของประเทศจากการกระทำของ คสช. ในมาตรา 279 เป็นต้น จึงไม่สามารถสะท้อนให้เห็นบริบทใดว่าคือประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ นอกจากนั้น ก็เกิดปรากฎการณ์ของการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งการโกงเงินคนจน โกงเงินเพื่อการศึกษา โกงวัคซีนสุนัข โกงตู้น้ำดื่มพลังแสงอาทิตย์ ฯลฯ ซึ่งสาธยายไม่หมดในยุคนี้ รวมทั้งการทำให้องค์การอิสระอ่อนแอ ไม่มีประสิทธิผลในการตรวจสอบ โดยเฉพาะแหวนเพชรแทงตา นาฬิกาหรู เป็นต้น การบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยการใช้อำนาจเขียนประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกับความจริง จะเป็นสิ่งชำรุดในทางประวัติศาสตร์ที่อาจถูกลูกหลานในอนาคตนำไปวิพากษ์เยอะเย้ยถากถางผู้มีอำนาจในยุคนี้ได้ แม้ตามหลักการแล้ว ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ แต่การเขียนก็ควรเคารพต่อความจริงร่วมกันด้วยฃ
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและหรือ หน.คสช.กู้ภาพลักษณ์ของตนเองกลับมาด้วยการสั่งให้ยุติการเผยแพร่และให้ทำลายหนังสือดังกล่าวที่ทำการแจกไปยังจังหวัดต่างๆจังหวัดละ 100 เล่มลงเสียโดยพลัน เพื่อคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการเชลียร์ใดๆทั้งสิ้นในยุคไทยแลนด์ 4.0 นี้