หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“ผบ.ตร.” มีคำสั่งให้ “กองปราบ” ลุยคดีโกงลอตเตอรี่ ตั้งผู้ช่วย ‘ปรีชา’ เป็นหัวหน้าคุมทีม

“ผบ.ตร.” มีคำสั่งให้ “กองปราบ” ลุยคดีโกงลอตเตอรี่ ตั้งผู้ช่วย ‘ปรีชา’ เป็นหัวหน้าคุมทีม

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 238/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 2 รายงานว่า มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ต่าง ๆ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิด ซึ่งมีพฤติการณ์แห่งคดีที่มีรูปแบบการกระทำความผิดคล้ายคลึงในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชนกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประซาชน กรณี กลุ่มผู้เสียหายได้รับการชักชวนหรือได้รับการแนะนำจากคนรู้จักหรือได้รับทราบข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ว่า กลุ่มผู้กระทำความผิด เป็นผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายใหญ่มีโควต้า จำหน่ายสลากกินแบ่งในราคาถูก จึงติดต่อซื้อขายกับกลุ่มผู้กระทำผิดคังกล่าวซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ค้ารายใหญ่สามารถจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลได้จำนวนมาก และหากผู้สั่งซื้อรายใดสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจะได้ราคาถูกตามสัดส่วน โดยเป็นการตกลงซื้อขายล่วงหน้ามีระยะเวลาการชำระเงินล่วงหน้า ประมาณ 1 เดือน ด้วยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้จำหน่ายโดยตรง หรือโอนเข้าบัญชีของผู้ติดต่อชาย หรือชำระเงินสด หลังจากนั้นจะนัดหมายให้ไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สั่งซื้อตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตกลงกัน และหากไม่ต้องการนำสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจำหน่ายเอง ก็สามารถฝากขายกับกลุ่มผู้กระทำผิดได้ โดยจะได้ส่วนต่างผลกำไรเป็นคำาตอบแทน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายที่เป็นผู้สั่งซื้อรายย่อยหลงเชื่อรวมกลุ่มชักชวนผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมากเพื่อลงทุนกับกลุ่มผู้กระทำผิด แต่เมื่อถึงกำหนดนัด

ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2546 ปรากฏว่า กลุ่มผู้กระทำความผิดไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่กล่าวอ้างมามอบให้กลุ่มผู้เสียหาย และไม่ได้รับคำตอบแทนตามที่ตกลงไว้แต่อย่างใด ทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รับความเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่ตำรวจฎธรจังหวัดตราด, ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี, ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, กองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ปรากฏตามผนวก ก และนอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่ประสงค์จะร้องทุกข์ในลักษณะดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก การกระทำความผิดเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ มีรูปแบบลักษณะการก่อเหตุที่คล้ายกันและกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดบางพื้นที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน มีผู้เสียหายและมูลค่ความเสียหาย เป็นจำนวนมาก เป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน

ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 11(4) แไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2559 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีในการสอบสวน ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบเร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา จึงแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรับผิดชอบคดีดังกล่าว โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

องค์ประกอบ

1.หัวหน้าและรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

1.1 พลตำรวจโท ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

1.2 พลตำรวจตรี สุรจิต ชิงนวรรณ์รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

1.3 พลตำรวจตรี ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

1.4 พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนโดยให้มีอำนาจหน้าที่เป็นไปตามข้อ 2 และข้อ 3

2.คณะพนักงานสอบสวน ปรากฎรายชื่อตาม ผนวก ข แนบท้ายคำสั่ง โดยมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

2.1 เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนผู้รับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำการสอบสวนคดีอาญาในความผิดดังกล่าว รวมทั้งความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีผู้อื่นร่วมกระทำความผิดหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกัน ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้น แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ

2.2 กำหนดแนวทางการสอบสวนให้ครอบคลุม ครบถ้วน ตามพฤติการณ์แห่งคดีและองค์ประกอบความผิด เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

2.3ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ผู้ใช้ ตัวการ และผู้สนับสนุน

ในการกระทำความผิดให้ครบถ้วน

3.คณะพนักงานสืบสวน ปรากฎรายชื่อตาม ผนวก ค แนบท้ายคำสั่ง โดยมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

3.1 สืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อทราบรายละเอียดความผิด และให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบพิจารณาใช้เป็นพยานหลักฐานในการกับบุคคล กลุ่มบุคคล หรือเครือข่ายที่กระทำความผิด

ซ ดำเนินการทั้งหลายอื่นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่น

ที่เกี่ยวข้องบัญญัติให้อำนาจไว้ หรือตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

4.แต่งตั้งฝ่ายเลขานุการ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้

เป็นหนักงานสืบสวนสอบสวน และเลขานุการ

4.1 พันตำรวจเอก เทวินทร์ ขุนเก้ว 4.2 พันตำรวจโท ภูมิรพี สังข์ทองผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปรามปรามเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน และผู้ช่วยเลขานุการ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 “คำสั่งดังกล่าวระบุ”

โดยวันนี้  พล.ต.ท.ปรีชา ได้เรียกคณะสืบสวนสอบสวนของคดีดังกล่าว ประชุมเตรียมความพร้อม และวางแนวทางในการทำงานที่กองบังคับการปรามปราม(บก.) และ ภายในวันศุกร์นี้ จะประชุมสรุปความคืบหน้าดังกล่าว ในขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งให้ พล.ต.ต.ปัญญา เป็นโฆษก คณะทำงานเพื่อให้เปิดเผยความคืบหน้าของคดี ให้กับสื่อมวลชนและผู้เสียหายทราบต่อไป

มีรายงานข่าวจาก ชุดสืบสวนของ บช.ภ.2 ว่า คดีนี้ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหาย ได้รับการชักชวนจากกลุ่มผู้กระทำความผิดให้ร่วมลงทุนนำเงินมาชื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลในรากาถูก เพื่อนำไปขายต่อในรากาสูงกว่าที่สั่งจองไว้ โคยผู้เสียหายจะสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อนำไปขายต่อเอากำไรหรือผู้เสียหายจะสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วให้กลุ่มผู้ถูกกล่าวหานำไปขายต่อ(ฝากขาย) ให้กับกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ โดยผู้เสียหายจะได้กำไรจากส่วนต่าง ลักษณะของการตกลงซื้อขายจะเป็นการตกลงซื้อขายล่วงหน้ามีระยะเวลาการชำระเงินล่วงหน้า ประมาณ 1 เดือน ด้วยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้จำหน่ายโดยตรง หรือโอนเข้าบัญชีของผู้ติดต่อขาย หรือชำระเงินเงินสด หลังจากนั้น กลุ่มผู้กระทำความผิด จะนัดหมายให้ไปรับสลากที่สั่งซื้อตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตกลงกัน ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือน พฤษกาคม 2564 ถึงกำหนดที่กลุ่มผู้กระทำความผิด จะต้องนำสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 ส่งมอบให้กับกลุ่มผู้เสียหาย แต่เมื่อถึงกำหนดนัดทางกลุ่มผู้กระทำความผิด ไม่สามารถส่งมอบให้ได้ตามสัญญา ทำให้ทางผู้เสียหายที่นำเงินมาลงทุนไม่ได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาลและได้รับความเสีหาย จึงได้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อคำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดต่อไปสรุปเบื้อง ผู้ต้องหารวม 6 คน / ผู้เสียหายรวม 92 ราย รวมยอดความเสียหายรวมทั้งสิ้น 2,155,510,119 บาท

ในเบื้องต้นมีผู้ต้องหารวม 6 ราย มอบตัวตามหมายจับแล้ว 3 ราย 1.) น.ส.จิตรา โยธาภิรมย์, 2.) นายจิณน์ ประสารพงษ์, 3.) น.ส.กิตติมา เวียงวัง และส่วนที่ศาลอนุมัติหมายจับ แต่หลบหนีอีก 3 ราย 1.) นายวุฒิภัทร เลิศลบ, 2.) นายภูริชา สุระตระกูลชัย, และ 3.) นายธนาภณฐาน สุดสวาท

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img