ภาวะการลงทุน

ตลาดหุ้นไทย วันนี้

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งแระเทศไทย ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่าตลาดหุ้นไทยปิดบวกสูงสุดในรอบ 1 ปี ดันดัชนีปิดบวกเพิ่มขึ้น 22.46 จุด ด้าน บลจ.วรรณ แนะพักลงทุนต่างประเทศ ลงทุนหุ้นในประเทศผลตอบแทนมากกว่า

ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ ที่ระดับ 1,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 22.46 จุด (+1.45%) มูลค่าการซื้อขาย 107,925.07 ล้านบาท โดยได้แรงซื้อจากนักลงทุน ต่างชาติและสถาบันทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี 1 เดือน

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นกว่า 20 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรป ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวหลังจากที่ปรับขึ้นไปแล้ว คาดหวังเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ใกล้จะออกมาแล้ว หลังจะมีการลงมติในสภาล่างวันนี้ ซึ่งน่าจะผ่านออกมาได้

อีกทั้งตลาดฯยังได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศด้วยในเรื่องการคลายล็อกดาวน์ โดยให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มีนาคม 2564 นี้

ด้านนายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด หรือ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นในปีนี้ จากความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งรับการอนุมัติและแจกจ่ายในหลายประเทศ โดยในปัจจุบัน วัคซีนดังกล่าวถูกแจกจ่ายไปแล้วกว่า 279ล้านโดสทั่วโลก คาดว่าวัคซีนเหล่านี้น่าจะสามารถแจกจ่ายให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd immunity) และยับยั้งการระบาดโดยธรรมชาติได้ในปีนี้ ทำให้นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ลงไปมาก

ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นโลกภาพรวมขณะนี้ เข้าสู่ช่วงการปรับฐาน หลังจากขึ้นมาต่อเนื่องนับตั้งแต่จุดต่ำสุดช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ปัจจุบันนักลงทุนหลายคนกังวลฟองสบู่ Bond Yield 10ปีสหรัฐฯเร่งตัวขึ้นสะท้อนมุมมองเงินเฟ้อเร่งตัวในอนาคต และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ Yield กดดันมุมมองหุ้นเติบโตโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีเนื่องจากราคาที่เพิ่มขึ้นไปมาก ทำให้ Earnings Yield Gap ผลต่างระหว่างปันผลตอบแทนคาดหวังเปรียบเทียบกับ Bond Yield แคบกว่าหุ้น Value ที่มี Dividend สูง

“บลจ.วรรณ มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในโซนขาขึ้น โดยนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่มีมุมมองต่อการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนจะปรับตัวดีขึ้นมากในปีนี้ และมีมุมมองที่ Bullish หุ้นค่อนข้างมาก ” นายพจน์กล่าว

สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ระยะสั้นมีแนวโน้มที่หุ้น Old Economy จะกลับมา Outperform ซึ่งหุ้นบริษัทจดทะเบียนของไทยมีลักษณะนั้น ช่วงที่ผ่านมาระดับราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากมุมมองการเติบโตด้อยกว่าหุ้น New Economy ทั้งนี้ หากการเดินหน้าฉีดวัคซีนทั่วโลกประสบผลสำเร็จช่วยให้กลับมาเปิดประเทศได้เร็วขึ้นจากเดิมที่มองปลายปี 2564อย่างเร็ว อาจจะมีการทำ Travel bubble กันตั้งแต่กลางปีนี้ ช่วยหนุนให้ทุกอย่างเริ่มกลับเป็นปกติ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีส่วนช่วยให้กำไรบริษัทจดทะเบียนอาจจะดีกว่าที่คาดไว้

อย่างไรก็ดีในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังคงน่าสนใจในการลงทุน โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนควรมีหุ้นไทย Old Economy Theme ติดพอร์ตควบคู่กับการกระจายการลงทุนไปยังหุ้น New Economy เพื่อไม่ให้พลาดผลตอบแทนในบางช่วงเวลารวมถึงช่วยลดความผันผวนพอร์ตการลงทุนจากรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกัน

สิริวรรณ ลีลาประกอบชัย : ภาพ และเรื่อง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img