ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวไปแล้วหลายปาก โดยมีพยานแวดล้อมที่อยู่ในส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา 2 คนคือ นายสุธน หรือโจ ทองศิริ อายุ 42 ปี และนายณัฐพล หรือท๊อป นรการ อายุ 30 ปี ลูกน้อง พ.ต.ท.บรรยิน ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ในคดีลักทรัพย์ และกรรโชกทรัพย์ตามลำดับซึ่งทั้งคู่ถือเป็นพยานปากเอก รวมถึงพยานในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า พ.ต.ท.บรรยิน และพวกพยายามวางแผนก่อเหตุแหกคุกจริง
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ในคดีนี้จะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน เพียวคนเดียวเท่านั้น เพราะถือว่าได้กระทำความผิดรวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย เป็นผู้ใช้จ้างวานหรือสนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด, ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139 ,ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังเพื่อหลบหนี ตามมาตรา 191 และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ตามมาตรา 309-310 ทั้งนี้แม้ว่าการกระทำความผิดจะยังไม่เกิดขึ้นแต่ก็ถือว่าเป็นการจ้างวานที่มีการจ้างสำเร็จไปแล้วซึ่งถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้วมีโทษจำนวน 1 ใน 3 ของโทษทั้งหมด แต่ในส่วนของ นายสุธน และ นายณัฐพล นั้นรับว่าจ้างมาจาก พ.ต.ท.บรรยิน แต่ยังไม่ได้ลงมือก่อเหตุตามที่ได้รับว่าจ้างมา จึงถือว่าการกระทำความผิดยังไม่เกิดขึ้น พนักงานสอบสวนจึงกันไว้เป็นพยานเพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.บรรยิน โดยไม่ได้แจ้งข้อหากับทั้งสองคน
พ.ต.อ.เอนก กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตำรวจกองปราบยังได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้งสองคนพบชัดเจนว่ามีการรับโอนเงินจาก พ.ต.ท.บรรยิน หลังจากรับว่าจ้างแล้วซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ และยังพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลอื่นนอกจาก นายสุธน และ นายณัฐพล อีกด้วย ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าจะมีผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนการออกหมายเรียกพยานอีก 3 คนได้แก่ ทนายความที่ประกันตัว นายสุธน, นายวรภัทร ตั้งภากรณ์ ลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน และ พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จังหวัดนครสวรรค์ นั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกไปแล้วว่าให้มาเข้าพบเพื่อปากคำในฐานะพยานคาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะเข้ามาให้การ
พ.ต.อ.เอนก ยังกล่าวถึงพฤติกรรมรุนแรงที่ นายสุธน และ นายณัฐพล อ้างว่าจะใช้แหกคุกว่า เป็นเพียงคำให้การขอผู้ต้องหาที่คุยโม้ว่าจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ในการชิงตัวรวมถึงมีการระเบิดกำแพงล้มเสาธงชาติเท่านั้น ในประเด็นเหล่านี้พนักงานสอบสวนไม่ได้เชื่อตั้งแต่ต้นอยู่แล้วและไม่ได้บันทึกเป็นปากคำไว้ และต่อมาทั้งคู่ก็ยอมรับแล้วว่ากุเรื่องขึ้นมาให้ดูน่ากลัว ล่าสุดทั้งคู่ยอมรับแค่ว่ามีการวางแผนเพื่อชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน บนทางด่วนระหว่างที่ พ.ต.ท.บรรยิน ออกมาขึ้นศาล และหากทำไม่สำเร็จก็ให้ไปอุ้มตัวภรรยาของ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อต่อรองให้ปล่อยตัว พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งทั้งสองกรณีตำรวจกองปราบฯมีหลักฐานยืนยันการกระทำความผิดของ พ.ต.ท.บรรยิน ชัดเจน
ล่าสุดมีรายงานว่า พยานบุคคลทั้ง 3 รายที่พนักงานสอบสวนเรียกสอบสวนนั้น เบื่องต้นได้นัดหมาย พ.ต.ท.นุกูล และทนายความที่ประกันตัว นายสุธน ให้มาให้ปากคำในวันที่ 29 มิ.ย. ส่วนนายวรภัทร ตั้งภากรณ์ ให้มาพบพนักงานสอบสวนใน วันที่ 1 ก.ค. แต่จนถึงขณะนี้มีการตอบรับหมายเรียกกลับมาเพียงแค่ทนายความเพียงคนเดียวเท่านั้น อีก 2 คนยังไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด