ตามที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกฉ้อโกงในคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำการยึดอายัดทรัพย์ให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว ให้ได้รับความเป็นธรรมโดยเร็ว
รายละเอียดแห่งคดี นายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก ได้ใช้เว็บไซต์ www.forex-3D.com เป็นช่องทางในการหลอกลวงโฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปให้นำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60 – 80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรด Forex และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 อีกทั้งยังมีการชักชวนผ่านระบบแนะนำสมาชิกหากสมาชิกรายใดสามารถชักชวนบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 1 – 5 ของผลตอบแทนของสมาชิกรายใหม่ที่ชักชวนมาร่วมลงทุน ทำให้มีผู้หลงเชื่อและร่วมลงทุน
นายอภิรักษ์ฯ มีการวางแผนหลอกลวงอย่างเป็นขั้นตอน เป็นผู้สั่งการใช้บุคคลอื่นเป็นตัวเชิดในการทำธุรกรรมต่างๆ แทน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เคยอนุญาตให้บุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลใดทำธุรกรรมการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) หรืออนุญาตให้ประกอบธุรกิจในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) อีกทั้งอัตราผลตอบแทนในการลงทุนเป็นอัตราที่สูงเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ และเป็นการนำเงินจากการลงทุนที่ผู้ลงทุนโอนเข้ามาจัดสรรแบ่งกลับคืนไปยังผู้ลงทุนโดยอ้างว่าเป็นผลตอบแทนจากการเทรดค่าเงิน มีการสร้างเว็บไซต์ เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อด้วยการสร้างข้อมูลการเทรดค่าเงินปลอมในเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงผู้ลงทุนให้หลงเชื่อและร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหาย
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายจากการลงทุนจำนวน 8,436 คน มีมูลค่าความเสียหายรวมจำนวน 1,908,113,421.92 บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยแปดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยยี่สิบเอ็ดบาทเก้าสิบสองสตางค์) การกระทำของนายอภิรักษ์ฯ กับพวกเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 12 มาตรา 15 ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 มาตรา 14 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการออกหมายจับนายอภิรักษ์ฯ ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลและนิติบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดรวมจำนวน 4 ราย
ส่วนกรณีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ฯ และรับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้ดำเนินการสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการแยกสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งถือเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 โดยต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกับคดีพิเศษที่ 153/2562 นี้
อนึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับที่หลบหนีไปอยู่ทั้งในและนอกราชอาณาจักร