หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“บิ๊กเม่น” นำทีม ศปอส.ตร.แถลง รวบแก๊งค์ใช้เพสบุ๊คปลอม หลอกขายหน้ากากอนามัย มูลค่ารวม กว่า 10 ล้าน

“บิ๊กเม่น” นำทีม ศปอส.ตร.แถลง รวบแก๊งค์ใช้เพสบุ๊คปลอม หลอกขายหน้ากากอนามัย มูลค่ารวม กว่า 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท., พ.ต.ท.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุด ที่ 2 ได้ร่วมกันแถลง ผลการจับกุมตัว นายพายุทัศ พองภู่ ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.254/2563 ลงวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในความผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยได้กระทําด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิด ความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ”ตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อํานวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดําเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุม

โดยมีพฤติการณ์ กล่าวคือ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้ซื้อหน้ากาก อนามัยทางออนไลน์เข้ามาร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้เสียหายได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยที่มีผู้ประกาศ ขายโดยใช้เพจและบญั ชีเฟซบุค ดังนี้เพจผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ค ซื้อขายสินค้า ตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ 2. ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “พรวิมล เกษเกียรติขจร” ผู้ใช้เฟซบุ๊ค ชื่อ “Boonyanut Boonylongkorn”โดยได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ ภาพ แสดง ตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย ใช้รูปภาพของ หน้ากากอนามัย ยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท เมื่อมีประชาชนผู้สนใจสั่งซื้อ

โดยชําระเงินแล้วกลับไม่ได้สินค้า ทั้งนี้มีประชาชนเสียหายและ บุคคลากรทางการแพทย์ ที่มีความตอ้ งการจะซือ้ หนา้ กาก อนามัยไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมแล้วมีจํานวนมากกว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความต่อ พงส.รวม 15 สถานี และ เหลือยังไม่แจ้งความอีกจํานวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

โดยต่อมา พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท., พ.ต.ท.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 ร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ทําการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการ จากการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ต่อศาลอาญา ศาลอนุมัติ ผู้ร่วมขบวนการ คือนายพายุทัศ พองภู่ ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 643/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นําเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สามารถติดตามจับกุม นายพายุทัศ พองภู่ ได้บริเวณบริเวณริมถนนสาธารณะ ม.1 ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ชั้นจับกุม ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การปฏิเสธตลอด ข้อกล่าวหา

น.ส.นภัสต์ศรณ์ แถลง ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 644/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นําเข้าระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สามารถติดตามจับกุม น.ส.นภัสต์ศรณ์ แถลง ได้บริเวณภายในร้าน กาแฟนายบ้าน ม.4 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ชั้นจับกุม ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

น.ส.ชญาดา เมธาโยธินกุล ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 645/2563 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นําเข้าระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” น.ส.ชญาดา เมธาโยธินกุล เข้ามอบตัว ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อในชั้นรับมอบตัวให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและใหก้ารปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ระวางโทษ “จําคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000 บาท – 140,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสน บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแกผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่ง ราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์ นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้(5) เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3)

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img