วันที่ 29 เม.ย.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม.,พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหากักตุน และขายหน้ากากอนามัยเกินราคา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวน ทราบว่ามีคนต่างด้าวลักลอบกักตุนและจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาและไม่ได้มาตรฐานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงได้ออกทำการสืบสวนและให้สายลับดำเนินการติดต่อล่อซื้อหน้ากากอนามัย ต่อมาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 63 สายลับแจ้งว่า สามารถติดต่อขอซื้อหน้ากากอนามัยจาก นายหยางซึงฯ ได้จำนวน 15,000 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 8 บาท โดยนัดส่งของกันที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.บางนา-ตราด ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเพื่อเข้าจับกุมตัว เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายหยางซึงฯ ได้แจ้งกับสายลับที่ทำการล่อซื้อว่า ให้ไปรับหน้ากากอนามัยที่ บริเวณลานจอดรถห้างแม็กซ์แวลู่ ซุปเปอร์มาเก็ต สาขาคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงวางแผนและวางกำลังไว้บริเวณดังกล่าว
ต่อมา เวลา 19.15 น. นายหยางซึงฯ ได้ขับรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา กรุงเทพมหานคร มายังลานจอดรถที่นัดหมาย และเรียกสายลับเข้าไปดูหน้ากากอนามัยซึ่งบรรทุกมาในรถ เมื่อสายลับเห็นว่าเป็นหน้ากากอนามัยจริง จึงได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมขอตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบหน้ากากอนามัย จำนวน 15,000 ชิ้น อยู่ในรถของ นายหยางซึง ซึ่ง นายหยางซึงฯ รับสารภาพว่าได้ลักลอบนำเข้าหน้ากากอนามัย โดยสั่งมาจากเพื่อนซึ่งอยู่ที่ประเทศจีน เพื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารการนำเข้าและเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นายหยางซึงฯ ไม่สามารถนำเอกสารใดๆ มาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว นายหยางซึงฯ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งติดต่อเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในเพื่อร่วมตรวจสอบหน้ากากอนามัยที่จับกุมได้ดังกล่าวด้วย
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวว่า หน้ากากอนามัยจำนวนดังกล่าว เป็นสินค้านำเข้ามา จากประเทศจีน โดยไม่ได้ขออนุญาตนำเข้าตามกฎหมาย และมีการขายเกินราคา และเชื่อว่ายังมีขบวนการทั้งคนไทยและคนต่างด้าวที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมมาดำเนินคดีเนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ในข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน