หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมรวบหนุ่มแสบตุ๋นนักธุรกิจ อ้างรู้จักผู้ใหญ่ธนาคาร สามารถทำใบรับรองค้ำเงินกู้ได้ เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

รวบหนุ่มแสบตุ๋นนักธุรกิจ อ้างรู้จักผู้ใหญ่ธนาคาร สามารถทำใบรับรองค้ำเงินกู้ได้ เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ สว.กก.1 บก.ป.จับกุมนายพะละวัฑสิริ หรือ สิ มาลัยเข็มทอง อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการที่ 46/2563 ลงวันที่ 9 เม.ย.63 ข้อหา “โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินของจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ” ได้ที่บ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 4 ศาลายา ถ.กรุงนนท์-จงถนอม ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

สืบเนื่องจากนายพะละวัฑสิริ ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมแอบอ้างตัวกับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุนว่า สามารถทำBank Guarantee หรือหนังสือที่ธนาคารออกให้เพื่อใช้ค้ำประกันธุรกิจ ได้โดยอ้างว่าตนรู้จักกับผู้ใหญ่ในธนาคาร แต่มีข้อแม้ว่าต้องยอมจ่ายค่าดำเนินการจำนวน 10-15 % ของยอดเงินที่ต้องการ กระทั่งมีผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่แถวภาคตะวันออกที่กำลังต้องการกู้เงินกับทางธนาคารจำนวน 60 ล้านบาท หลงเชื่อติดต่อพูดคุยกับผู้ต้องหารายนี้ให้ช่วยดำเนินการ ทางผู้ต้องหาจึงได้ทำการเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการกับทางผู้เสียหายที่จำนวนเงิน 4 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นมัดจำก่อน 2 ล้านบาท จากนั้นจึงค่อยจ่ายส่วนที่เหลือเมื่อได้รับใบ Bank Guarantee ผู้เสียหายจึงตกลงยอมจ่ายเงินให้ กระทั่งเมื่อถึงกำหนดนัดหมายรับใบ Bank Guarantee ผู้ต้องหากลับมีทีท่าบ่ายเบี่ยงอ้างว่าติดปัญหาบางอย่าง ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุดผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก นำเรื่องเข้าแจ้งความที่

สภ.สุวรรณภูมิ จนมีการออกหมายจับ ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะสืบทราบว่านายพะละวัฑสิริ ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และกำลังทำการหลอกเอาเงินจำนวน 3 ล้านบาท จากเหยื่อรายใหม่ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่จำนวน 2 ราย จึงรีบนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนนายพะละวัฑสิริ ให้การรับสารภาพ พร้อมกับยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจกองปราบจับกุมตัวมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2560 ในความผิดลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อพ้นโทษออกมาจึงได้ไปทำการเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบประวัติ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวอีกครั้งดังกล่าว เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่ง สภ.สุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img