พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยในรายการ Change ถึงประเด็น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการต่อกรณีนาฬึกาหรูของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุววรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และการบริหารราชการในปัจจุบัน
เมื่อถูกถามว่า กรณีนาฬึกาหรู ของพลเอก ประวิตร ถูกจับตามอง และขัดกับความรู้สึกของคนที่รอฟังประเด็นนี้ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ มองอย่างไร พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ ตอนแรกใช้ มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการ กลั่นแกล้งรังแกเขาไปหมด ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย บุคคลเหล่านั้นก็เกษียนไป แต่ก็ยังบอบช้ำ แต่กรณีนาฬึกาหรู ของพลเอก ประวิตร หลักฐานมันชัดแจ้ง อย่าว่าแต่ 25 เรือนเลย ถึงแม้หนึ่งเรือน ถ้าเป็นกรณีแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ทราบตามความเป็นจริง ก็เป็นความผิดตามกฏหมาย ป.ป.ช. นอกจากนั้น จะทำผิดกฏหมายอาญาด้วยหรือไม่ ทุจริตคอรัปชั่นมาหรือไม่ จะมาบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นผู้บังคับบัญชา หลักฐานมันชัดแจ้ง
ในส่วนกรณีของแหวนที่พลเอกประวิตร อ้างว่านำของมารดารมาสวมใส่ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ให้ความเห็นว่า “แม่นิ้วแค่ไหน นิ้วอย่างกับควาย ใช่ไหม เอาแหวนแม่มาใส่ได้หรือ ไม่งั้นเอาแหวนอาม่ามา ไม่ต้องใส่หัวแม่เท้าหรือ”
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า อย่าบอกว่า พลเอก ประยุทธ์ สองมาตราฐานเลย คือไม่มีมาตราฐานอะไรซักอย่าง ทำตามอำเภอใจ ถ้าเป็นพรรคพวกก็ปกป้อง ถ้าไม่ใช่ก็ยัดเต็มที่ น้องชายตัวเอง ตั้งบริษัทในค่ายทหารโดยใช้ชื่อลูก ประมูลงานในค่ายทหารต่างๆ อีกทั้งยังเอาเงินของราขการไปเข้าบัญชีภรรยา เกษียณมาปลูกบ้านแล้วรายงานทรัพย์สินหรือไม่ พลเอก ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง อันนี้คนใกล้ตัว หรือคนแวดล้อมบริวาร ตั้งลูกตั้งเมียเข้ามากินเงินเดือนหลวงทั้งนั้น แต่ตัวพลเอก ประยุทธ์ ไปด่าคนอื่น ด่ารัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตย หรือแม้แต่ ส.ว. ก็ไปบอกว่าเขาเป็นสภา ผัว-เมีย แต่เขายังมาจากการเลือกตั้ง ถ้าประชาชนไม่โอเค จะมาได้อย่างไร แต่นี่ ส.ว. ของ พลเอก ประยุทธ์ มาจากการเลือกกันเอง เพียงแค่มารองรับตนเอง
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า คำพูดคำจา ที่บอกว่านาฬึกาเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงบประมาณ และก็เรื่องที่เหมาเครื่องบินไปประชุมที่ ฮาวาย ใช้งบราชการ พลเอก ประยุทธ์ ทำอะไรหรือไม่ มันมีความจำเป็นอะไรที่ต้องเหมาเครื่องบินไป เกินความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งการประชุมมีผู้ติดตาม 4-5 คนก็เพียงพอแล้ว แต่กรณีนี้ไปกัน 30 คน แล้วเหมาเครื่องบิน 300 คนไป เกินความจำเป็นหรือไม่ ทำไมไม่ตั้งกรรมการมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
พลเอก ประวิตร ก็ดูแล พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้งแต่เด็ก อยู่กันมารู้ไส้รู้พุงหมด ทั้งสามก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ทั้งนั้น ซึ่งงบประมาณทั้งหลายทั้งปวงในกองทัพ อย่างเช่น กรมพลาธิการทหารบก เรื่องการก่อสร้าง กรมสรรพาวุธทหารบก เรื่องการซื้ออาวุธ กรมการบิน เรื่องการซื้้อเครื่องบิน ต้องตัดเปอร์เซนต์ให้ทั้งหมด 2 เปอร์เซนต์โดย ผบ.ทบ. ไม่ต้องทำอะไรเลย รวมทั้งหมดปีละเท่าไหร่ ถึงรู้ไส้รู้พุงกันทั้งหมด ถึงต้องเอื้อกันช่วยกัน ยังไงต้องไม่พลัดพราดจากกัน หรือยังไงก็ต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ด้วยกัน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พลเอก ประยุทธ์ทำผิดกฏหมายแล้ว ในกรณีข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พลเอก ประยุทธ์ มีหน้าที่ที่จะต้องสั่ง ให้ดำเนินการพลเอกประวิตร หรือกระทำการใดทางการเมืองคือ ปลดออก และแต่งตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถมาแทน แต่ก็ไม่ทำปล่อยเป็นอย่างนี้ ประชาชนก็เตือนไม่รู้เท่าไหร่ รวมถึงตนเองก็เตือน พลเอก ประยุทธ์ ด้วย
“เหมือนกับพลเอก ประยุทธ์ บอกว่าเขาเตือน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรื่องข้าว และไม่ยอมทำ ถึงเกิดการฟ้องศาลฐานละเว้น เพราะเตือนแล้วไม่เชื่อ และพลเอก ประยุทธ์ ไม่ดำเนินการกับพลเอกประวิตร ก็เหมือนพลเอก ประยุทธ์ ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ยังกอดคอตาย ก็ให้มันตายไปด้วยกันนั่นแหละ” พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ที่มา: บทสัมภาษณ์เต็ม