หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมBiometrics เจ๋ง จับพิรุธ 2 ต่างชาติติด Blacklist เปลี่ยนชื่อและหนังสือเดินทาง เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย​ และรวบเกรียนรัสเซีย ลักทรัพย์กลางห้างดัง ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต สารภาพอ้างทำไปตาม...

Biometrics เจ๋ง จับพิรุธ 2 ต่างชาติติด Blacklist เปลี่ยนชื่อและหนังสือเดินทาง เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย​ และรวบเกรียนรัสเซีย ลักทรัพย์กลางห้างดัง ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต สารภาพอ้างทำไปตาม Russian Rules 

วันนี้​ วันศุกร์ที่ 27 ก.ย.62 เวลา 10.00 น.​ ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.เจษฎา ใยสุ่น ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ณัฎฐภาคิน ขวัญชัยพฤกษ์ รอง ผกบ.ตม.6 และ พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง ผกก.ตม.จ.ภูเก็ต จับกุมคดีคนร้ายต่างชาติรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ 2​ คดีคือ​ 1.Biometrics จับพิรุธ 2 ต่างชาติติด Blacklist เปลี่ยนชื่อและหนังสือเดินทาง เดินทางกลับเข้าประเทศไทย

พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ กล่าวว่า​ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้ทำการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วยระบบ Biometrics พบคนต่างด้าวจำนวน 2  ราย เป็นบุคคลซึ่งถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้าม หรือ Blacklist ห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ ซึ่งบุคคลดังกล่าว หลังจากที่ถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร บุคคลเหล่านั้นได้เปลี่ยนชื่อตัวบางส่วน และขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จากนั้นได้เดินทางกลับเขามาในประเทศไทยอีกครั้ง เป็นสัญชาติรัสเซีย 1 ราย และสัญชาติอิรัก 1 ราย มีรายละเอียดดังนี้

– MS.Julia (นางสาวจูเลีย) สัญชาติรัสเซีย เดิมชื่อ MS.Yulia เคยเปลี่ยนชื่อ และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปี พ.ศ.2555 มีพฤติการณ์เข้าลักษณะต้องห้าม ติด Blacklist ห้ามเข้าประเทศ ได้เปลี่ยนชื่อของตน และขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จากนั้นเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่านทางสนามบินนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ส.ค.62 ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (NON-90) อนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 21 พ.ย.62 โดย MS.Juliia ได้ถูกดำเนินคดีที่ สภ.ป่าตอง และถูกส่งตัวมาที่ ตม.จว.ภูเก็ต หลังจากคดีสิ้นสุด ในวันที่ 19 ก.ย.62 ตม.จว.ภูเก็ต จึงทำการตรวจสอบบุคคลดังกล่าวด้วยระบบ Biometrics พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามไว้

– MR.Ali (นายอาลี) สัญชาติอิรัก เดิมชื่อ MR.Alaa (นายอาลา) สัญชาติอิรัก เคยเปลี่ยนชื่อ และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay 1,272 วัน)  เมื่อปี พ.ศ.2561 มีพฤติการณ์เข้าลักษณะต้องห้าม ติด Blacklist ห้ามเข้าประเทศ 10 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2561 ถึงปี พ.ศ.2571 ได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลของตนเองบางส่วน และขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จากนั้นเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่านทางสนามบินนานาชาติภูเก็ตเมื่อวันที่ 13 ก.ย.62 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว (TR 60) อนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 11 พ.ย.62 โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 ตม.จ.ภูเก็ต ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่บริเวณร้านตัดผมในซอยแสนสบาย ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงได้เชิญตัวมาทำการตรวจสอบด้วยระบบ Biometrics  พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามไว้

จากการซักถามปากคำเบื้องต้น และให้ดูหลักฐานการขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้าม ทั้ง 2 ราย จึงให้การรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ตรวจสอบพบจากระบบ Biometrics เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จ.ภูเก็ต จึงได้ทำการเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักร ของชาวต่างชาติจำนวน 2 ราย จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวและดำเนินการส่งกลับออกนอกประเทศต่อไป

คดีที่​ 2.รวบเกรียนรัสเซีย ลักทรัพย์กลางห้างดัง ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต สารภาพอ้างทำไปตาม Russian Rules เมื่อวันที่ 19 ก.ย.62 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จ.ภูเก็ต ได้ทำการจับกุมตัว Mr.Maksim (นายมัคซิม) อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล 258/2562 ลงวันที่ 16 ก.ย.62 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” โดยมีพฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.62  เวลาประมาณ 20.30 น.

ผู้ต้องหา ได้ลักนาฬิกาข้อมือซึ่งแสดงโชว์อยู่ที่บริเวณ ห้างเซนทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ไป จำนวน 1 เรือน จากนั้นได้หลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.วิชิต ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับประสาน จาก สภ.วิชิต ท้องที่เกิดเหตุให้ช่วยทำการสืบสวนเหตุดังกล่าว เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน จนกระทั่งสามารถออกหมายจับ และจับกุมตัว Mr.Maksim ได้ที่บริเวณ ซอยนาเสือ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ในชั้นจับกุม Mr.Maksim ให้การรับสารภาพ โดยได้เขียนให้การเป็นภาษาอังกฤษ มีใจความว่า “Russian Rules กล่าวไว้ว่า ถ้าพบสิ่งของที่ไม่ติดราคา และไม่ได้ปิดล็อคไว้ คนรัสเซีย สามารถหยิบไปได้เลย เนื่องจากหมายความถึงว่าของสิ่งนั้นแจกฟรี หรือเป็นของไม่มีเจ้าของ” จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ กล่าวต่อว่า​ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไป หากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่าง ๆ หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img