วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเมื่อเวลา 11.00 น. นายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย พา นายชัยยุทธ เชี่ยวเขตกิจ อายุ 33 ปี อาชีพวิศวกร บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. มงคล พรมโสภา สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ลักทรัพย์ ในขณะที่นายชัยยุทธ จอดรถนอนพักผ่อนบริเวณไหล่ทางมอเตอร์เวย์บางนา – บางประอิน มุงหน้าบางนา สุวรรณภูมิ หลังแจ้งความ สน.คันนายาว ผ่านมาปีกว่าแต่คดีไม่คืบหน้า
นายชัยยุทธ กล่าวว่า เมื่อกลางดึกของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ตัวเองขับรถยนต์มาแล้วรู้สึกอ่อนเพลียจึงจอดรถนอนพักผ่อนบริเวณไหล่ทางมอเตอร์เวย์บางนา – บางประอิน มุงหน้าบางนา สุวรรณภูมิ ซึ่งบริเวณนั้นมีรถบรรทุกอีกหลายคันจอดพักผ่อนเช่นกัน กระทั่งตื่นมาช่วงเช้ามารู้ว่าถูกคนร้ายลักทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองหนัก 3 บาท สร้อยข้อมือ 2 บาท โทรศัพท์ไอโฟนและเงินสดอีก 6,000 บาทไป จากนั้นได้แจ้งความที่ สน.คันนายาว เพื่อให้ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ต่อมาได้สอบถามความคืบหน้ากับตำรวจแต่ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องไปขอภาพกล้องวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่ทางด่วนที่สามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้ จึงนำไปมอบให้กับตำรวจ สน.คันนายาว แต่ตำรวจกลับบอกว่า ภาพคนร้ายไม่ชัดเจน นอกจากนี้ยังได้ขอให้ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือก็ไม่สามาถเทียบลายนิ้วมือแฝงได้
นายชัยยุทธ กล่าวต่อว่า เรื่องผ่านมา 1 ปี คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงตัดสินใจกลับไปจอดรถยังจุดเดิมเพื่อจับกุมคนร้ายด้วยตัวเอง แต่กลับถูกคนร้ายลักทรัพย์ไปอีกรอบ ทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์มือถือ รวมแล้วทรัพย์สินที่สูญหายไปสองครั้ง 300,000 บาท จึงเข้าแจ้งความที่สน.คันนายาว อีกครั้งแต่ก็ไม่คืบหน้า เหมือนเดิม จึงเข้าแจ้งความที่กองปราบเพื่อให้ติดตามตัวคนร้ายและเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่น่าจะตกเป็นเหยือของคนร้ายรายนี้
เบื้องต้น พ.ต.ท. มงคล ได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป