กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70-31.95 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.78 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 3.9 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตรมูลค่า 9.7 พันล้านบาท ส่วนดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับเงินเยนแต่อ่อนค่าลงเทียบยูโร หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ต่างส่งสัญญาณว่าต้องการจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงให้สหราชอาณาจักรเลื่อนกำหนดเส้นตาย Brexit ออกไปเป็นครั้งที่สองเป็นวันที่ 31 ตุลาคม
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าปริมาณธุรกรรมน่าจะเบาบางลงในสัปดาห์นี้ โดยตลาดในประเทศเปิดทำการเพียง 3 วัน ส่วนตลาดการเงินสำคัญหลายแห่งกำลังเข้าใกล้วันหยุดช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ขณะที่นักลงทุน จะให้ความสนใจตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ หลังข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทางด้านค่าเงินยูโรเผชิญแรงกดดันหลังเจ้าหน้าที่อีซีบีมองว่าการคาดการณ์เศรษฐกิจอาจสะท้อนการมองโลกในแง่ดีเกินไป อนึ่ง จีดีพีของจีนซึ่งขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1/2562 ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตเกินคาด อาจเพิ่มความหวังที่ว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีเสถียรภาพแต่มาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมยังมีความจำเป็น ส่วนดัชนีความผันผวนที่แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือนยังคงเอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและอาจกดดันสกุลเงินที่ปลอดภัยอย่างเงินเยน อย่างไรก็ดี ตลาดจะติดตามความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป หลังปธน.ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐฯ อาจจะเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าของอียูมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นที่น่าจับตาว่าข้อพิพาทนี้จะส่งผลให้ปัญหาการค้าโลกและความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธปท.ระบุว่าความผันผวนของเงินบาทตั้งแต่ต้นปีนี้ไม่สูงมากนักหากเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยทางการต้องการให้เงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ดังนั้นผู้ส่งออกจึงต้องระมัดระวังความเสี่ยง ส่วนทิศทางของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย เราคาดว่านักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลในระยะถัดไป