ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณี มีผู้เสียหายแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 9 บุกเข้าตรวจค้นบ้านและเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีเรื่องอาวุธปืนว่า ได้รับรายงานจาก กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ว่า สภ.คลองหอยโข่ง ได้รับแจ้งความ กรณีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 15.00-17.00 น. ได้มีชายฉกรรจ์ 7-8 คน เดินทางโดยใช้รถยนต์เก๋ง 2 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน มาที่บ้านของผู้กล่าวหาและได้แสดงบัตรที่แขวนคอให้ผู้กล่าวหาดู โดยแสดงตนเป็น เจ้าหน้าที่ ปปส.สงขลา และพกอาวุธปืนที่เอวเข้าไปตรวจค้นที่บ้านของผู้กล่าวหาโดยไม่มีหมายค้น โดยเข้าทำการค้นเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ช่วงที่สอง ผู้ต้องหา 2 คน ได้เข้าไปค้นที่ตู้เสื้อผ้าในครัว โดยผู้กล่าวหาไม่ได้เข้าไปดูด้วย จนกระทั่ง ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้เรียกผู้กล่าวหามาดูว่าพบอาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก อยู่ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งผู้กล่าวหาได้ยืนยันว่าไม่ใช่ของผู้กล่าวหา จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้เรียกร้องให้ผู้กล่าวหานำเงินมาให้ จำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้กล่าวหาได้ต่อรองเหลือ 55,000 บาท และได้สั่งให้ภรรยาของผู้กล่าวหา นำอาวุธปืนพกสั้นของผู้กล่าวหา ที่มีใบอนุญาตให้มีและใช้ ไปจำนำไว้กับญาติเพื่อนำเงินมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 55,000 บาทเมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจำนวน 55,000 บาทแล้ว ได้พากันออกจากบ้านผู้กล่าวหาพร้อมอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 ที่ตรวจค้นพบ ต่อมาบุตรชายผู้เสียหาย ได้กลับมาจากที่ทำงาน ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและได้ตรวจสอบเงินสด จำนวน 7,500 บาท ที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าได้หายไป จึงได้พากันมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ที่อ้างตัวเป็น ปปส. ต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เพื่อคลี่คลายคดีและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนพื้นที่ ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนผู้เสียหายสามารถยืนยันชี้ภาพผู้ต้องหาที่ก่อได้จำนวน 4 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ทั้ง 4 คน โดยทางกองบัญชาการต้นสังกัด ได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 4 นาย มาช่วยราชการ ณ ศูยน์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(ศปก.ตชด.)
ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.คลองหอยโข่ง ได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ในความผิดฐาน “ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนติดตัวมาขู่เข็ญ ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือ ทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ ห้าคนขึ้นไป , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย , ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหสถาน โดยมีอาวุธ และร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป” ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวและในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง ได้สืบสวนขยายผล เพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหาในกลุ่มนี้อีก 4 คน
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ไปรีดไถ่ เรียกรับผลประโยชน์ หรือ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดเสียเอง โดยหากพบว่ากระทำความผิดจริง ซึ่งไปรีดไถ่หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เอาคนประเภทนี้ไว้อยู่แล้วและไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน คนไม่ดีเราไม่เอาไว้ พร้อมกันนี้ต้องเร่งคืนความชอบธรรมให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน