หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมครอบครัวชินวัตร เยี่ยม "ทักษิณ" บอกพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 9 จำง่าย - คนเสื้อแดงรอให้กำลังใจคึกคัก

ครอบครัวชินวัตร เยี่ยม “ทักษิณ” บอกพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 9 จำง่าย – คนเสื้อแดงรอให้กำลังใจคึกคัก

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 29 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร การเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร โดยวันนี้นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ หรือติ๊ก ภรรยาของนายพานทองแท้ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออิ๊งค์ บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายปิฎก สุขสวัสดิ์ หรือปอ สามีของ น.ส.แพทองธาร บุตรเขยนายทักษิณ ชินวัตร และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนและกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงที่มาปักหลักรอให้กำลังใจอยู่ด้านหน้าเรือนจำฯ เนื่องด้วยใกล้เทศกาลปีใหม่ 2569

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ พร้อมภรรยา และ น.ส.แพทองธาร พร้อมสามี มีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชน มวลชนคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับและให้กำลังใจก่อนเข้าเรือนจำฯ โดยการเยี่ยมอาจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งก่อนเข้าด้านในเรือนจำฯ

ทั้งนี้ การเปิดให้เยี่ยมญาติของเรือนจำกลางคลองเปรม จะปิดให้บริการตั้งแต่วันพุธที่ 31 ธ.ค.68 โดยจะเปิดให้เยี่ยมญาติอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 5 ม.ค.69 ซึ่งวันนี้จึงถือเป็นวันสุดท้ายของปี 2568 ที่ครอบครัวชินวัตรจะได้เข้าเยี่ยมญาตินายทักษิณภายในเรือนจำฯ ก่อนหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่

ต่อมาเวลา 10.50 น. ภายหลังครอบครัวชินวัตรเสร็จสิ้นการเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร ในเรือนจำฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า วันนี้การพูดคุยเป็นไปด้วยดี คุณพ่อแฮปปี้ดี สนุกสนาน แต่อาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพเล็กน้อย แต่วันนี้โดยรวมคุณพ่อดูสดชื่นต้อนรับปีใหม่ด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จับเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ในการรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ โดยพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 9 ในการเลือกตั้งใหญ่ 2569 ซึ่งตรงกับยุคของพรรคไทยรักไทย ปี พ.ศ. 2548 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ก็ได้เบอร์ 9 เช่นเดียวกัน จนกวาดเสียง สส.มากว่า 377 เสียง จากทั้งหมด 500 เสียงนั้น นายพานทองแท้ ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ระหว่างการพูดคุย คุณพ่อได้รำลึกถึงความหลังเล็กน้อย

เมื่อถามต่อว่า นายทักษิณ ได้มีทริค หรือกลยุทธ์แนะนำมาทางพรรคเพื่อไทย หรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร ร้องโอโห และกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า คุณพ่อก็ได้มีการให้กำลังใจและบอกว่าอย่างน้อย เบอร์ 9 จำง่าย หากมีคนมาเลือก ตัวเลขหลักเดียวก็ง่ายดี แต่ส่วนใหญ่คุณพ่อเล่าให้ฟังในสมัยของคุณพ่อเองว่าเขาจับได้เบอร์อะไร อย่างไร รวมถึงเล่าไปถึงสมัยแรก ๆ ที่เคยจับได้เบอร์ 7 ทำนองนี้ คุณพ่อจะชอบเล่าความหลังให้พวกเราฟังมากกว่า และคุณพ่อยังบอกด้วยว่า “อายุเยอะแล้ว คนแก่ก็จะมีความหลังเยอะหน่อย“

ส่วนในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1 ในการจัดทัพรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เราก็ต้องให้กำลังใจกันไป

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงสถานะผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง ยังไม่ได้ปรับเลื่อนชั้นเป็นชั้นดี ส่วนกรณีที่ว่านายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับเสนอชื่อปรับเลื่อนชั้นจากคณะกรรมการระดับเรือนจำกลางคลองเปรม ไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง ระดับกรมราชทัณฑ์ จากชั้นกลางเป็นชั้นดี ในช่วงประมาณเดือน เม.ย.69 ซึ่งหมายความว่าแม้เดือน มี.ค.69 นายทักษิณ จะครบกำหนดคุมขัง 6 เดือน ก็จะได้รับการพิจารณาโครงการพักการลงโทษกรณีทั่วไป อาจไม่ทันได้พักโทษในเดือน มี.ค.69 นั้น ตนเข้าใจในกระบวนการของราชทัณฑ์ และคุณทักษิณเองก็เข้าใจ แม้จะต้องอยู่ไปอีกกี่เดือนก็ตามเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการพักโทษ สิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง ท่านก็พร้อมปฏิบัติตามระเบียบของราชทัณฑ์ เราไม่มีวันไปกดดันเจ้าหน้าที่ หรือไปใช้อำนาจใดที่ทำให้เกิดเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น ห้วงเวลาของการพักโทษของคุณทักษิณ จะมีสิทธิพิจารณาเวลาใดหลังจากนี้ เราก็ยินดี แม้ 6 เดือน หรือ 8 เดือน เราก็ต้องรอการปรับเลื่อนชั้นให้เรียบร้อยก่อน

ส่วนการอุทธรณ์สู้คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ หลังจากที่อัยการสูงสุดคนปัจจุบันมีคำสั่งให้อัยการอุทธรณ์คดี โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ของอัยการ มีการพิจารณาเเละมีมติ 8:2 เสียง เห็นควรไม่อุทธรณ์คดี ตนทราบว่าการอุทธรณ์ยังอยู่ระหว่างการจัดส่งหมายอุทธรณ์ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และไปยื่นหนังสือบอกกล่าวต่ออัยการสูงสุดว่าอำนาจที่ท่านไปฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการที่ท่านตั้งขึ้น ไม่ว่าจะมติ 7:2 หรือมติ 8:2 ก็ตาม ท่านในฐานะที่นั่งเป็นประธาน ท่านไม่สามารถใช้อำนาจของตัวเองไปหักมติหรือฝ่าฝืนมติคณะทำงานได้ เพราะคณะทำงานถือว่าเมื่อตั้งขึ้นแล้วก็จะมีอำนาจเด็ดขาด ไม่ใช่กระบวนการตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 ที่อัยการสูงสุดจะใช้อำนาจพิจารณาสั่งคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งเรามองว่าเป็นคนละขั้นตอน เรื่องนี้ถ้าท่านจะใช้อำนาจตรงนี้ ท่านก็ไม่ควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาแต่แรก แต่เมื่อมีคณะทำงานและมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพมติ ซึ่งกระบวนการนี้เราเห็นว่ามันไม่ชอบและไม่ถูกต้องแต่แรก ทั้งนี้ ตนมีข้อมูลด้วยว่าอัยการสูงสุดได้ไปที่ไหนเพื่อพบกับใครอีกด้วย เราก็สงสัย และเราก็พูดไปเพื่อเตือน ซึ่งวันที่ 26 ธ.ค. ตนก็ได้เตือนเป็นหนังสือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ท่านทบทวนใหม่ ซึ่งหลังจากนั้น 1-2 วัน ก็มีข่าวว่าบุตรสาวของท่านไปลงสมัครกับพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้น ข้อที่เราสงสัย และประชาชนก็เห็นว่า อัยการสูงสุดมีการดำเนินการฝ่าฝืนมติของคณะทำงาน และก็ยังใช้อำนาจตัวเอง แล้วจากนั้นลูกสาวตัวเองก็ไปลงสมัครพรรคภูมิใจไทย มันทำให้คนสงสัยว่าพวกท่านกำลังมีดีลอะไรหรือไม่ หรือท่านกำลังทำตามที่ใครขอหรือไม่

ทนายวิญญัติ เผยอีกว่า เราในฐานะผู้ได้รับผลกระทบ และเป็นทนายความของนายทักษิณ (จำเลย) เห็นว่าอัยการสูงสุดใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปตามมติของคณะทำงาน นี่จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมายของอัยการเอง จึงขอให้ท่านได้อธิบายด้วย แต่ในทางการเมือง ก็เป็นสิทธิของลูกสาวท่านที่จะลงสมัครกับพรรคใดก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์ หรือคิดอะไรต่อได้ใช่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ตอนนี้ตนต้องรอหนังสือตอบกลับจากทางอัยการสูงสุดทุกรายการที่ขอคัดถ่ายสำเนาไป เพื่อจะได้เอาเอกสารเกี่ยวกับคดี รายละเอียดมติ ข้อพิจารณาสั่งการของท่านไปตรวจดูว่าเหตุใดท่านจึงไม่เคารพ หรือไม่เอาตามมติคณะทำงาน จนเป็นเหตุมีคำสั่งให้อุทธรณ์ ท่านใช้อำนาจคนเดียวได้หรือไม่ และการที่ท่านบอกว่า เป็นการใช้อำนาจตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 ซึ่งมันคือชั้นสอบสวนใช่หรือไม่ หรือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อย่างไร หากใช่ ทำไมท่านจึงตั้งคณะทำงานแต่ตอนแรก เราขอคำอธิบายตรงนี้ที่ท่านต้องตอบ โดยหากมันไม่สมเหตุสมผล เราก็สามารถใช้พิจารณาดำเนินคดีภายหลังได้ ซึ่งเราก็ต้องดูหลักฐานของเราเพื่อนำไปใช้แก้ หรืออุทธรณ์ต่อไป

ส่วนเรื่องการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายของนายทักษิณ ครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 2) มีผลฎีกาแจ้งกลับมาหรือยังนั้น ตนขอเรียนว่า ทราบว่ายังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงานราชเลขาฯ ซึ่งเราไม่อาจก้าวล่วงได้ เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ซึ่งในฐานะปวงชน ราษฎรไทย เราก็ต้องรอไปก่อน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img