หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"รองจ๋อ" นำทีมสืบพระกาฬชุดปราบปรามยาเสพติดนครบาล ซ้อนแผนรวบ 2 หนุ่มรัสเซียแก๊งคายาผ่าน "คิวอาร์โค้ด" ใจกลางกรุง พบใช้ระบบเอไอ-เทเลแกรมสร้างเครือข่ายส่งยาแบบไร้ตัวตน

“รองจ๋อ” นำทีมสืบพระกาฬชุดปราบปรามยาเสพติดนครบาล ซ้อนแผนรวบ 2 หนุ่มรัสเซียแก๊งคายาผ่าน “คิวอาร์โค้ด” ใจกลางกรุง พบใช้ระบบเอไอ-เทเลแกรมสร้างเครือข่ายส่งยาแบบไร้ตัวตน

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 ธ.ค.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผบก.น.6, พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2, พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6, พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา, พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศอ.ปส.บช.น. ), บก.สส.บช.น., สน.ยานนาวา และสน.สุทธิสาร ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ “ทลายแก็งค์รัสเซีย ยุค 2025 ใช้ AI บงการขายยานรกทั่วกรุงเทพ” เข้าตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวรัสเซีย 2 ราย ดังนี้ 1.นายไอวาน วอลนอพ (MR.IVAN VOLNOV) อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.1268 /2568 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 68 ข้อหา “โฆษณาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต” และถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เช่น สารสกัดกัญชา ยางกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมตัวได้ที่ โรงแรมภายในซอย 46 ซอย อินทามระ 47 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง จ.กรุงเทพฯ และ 2. นายมารค์ มาโอปูโร (MR.MARK MAOLOPURO) อายุ 35 ปี สัญชาติรัสเซียข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เช่น สารสกัดกัญชา ยางกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต และ เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY)” จับกุมตัวได้ที่ โรงแรมชื่อดังภายใน ซ.เอกมัย 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จ.กรุงเทพฯ

พร้อมตรวจยึดของ 10 รายการ ดังนี้ 1.เงินสด 200,000 บาท 2.รถตู้ GRANVIA สีเทา จำนวน 1 คัน 3.โน๊ตบุ๊ค MacBook Pro จำนวน 2 เครื่อง 4.โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง (จับกุมฉับพลันล็อคหน้าจอไม่ทัน พบข้อมูลใน Telegram จำนวนมาก) 5.ที่เก็บข้อมูลการ์ดความจำ และ แฟลชไดฟ์ จำนวน 20 ชิ้น (อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลภายใน) 6.สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม 7.ช่อดอกกัญชาไม่ทราบสายพันธ์ จำนวน 41 ถุง 8.ยางในกัญชา จำนวน 25 กระปุก 9.เมล็ดกัญชา 20 ห่อ และ 10.เครื่องบดกัญชา และอุปกรณ์อื่น ๆ จำนวนมาก

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ยาเสพติดนครบาล (ศอ.ปส.บช.น.) แกะรอยสติกเกอร์ คิวอาร์โค้ด (QR Code) ขายยานรก 2025 ใช้ระบบเอไอ (AI) ขายยา โดยไม่ต้องสัมผัสของกลาง พร้อมระบบ AI แตกเครือข่ายแบบธุรกิจ Start Up โดยเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 68 ชุดลาดตระเวนออนไลน์ ของ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ รอง ผบช.น.รับผิดชอบด้านยาเสพติดพื้นที่กรุงเทพฯ ได้พบเบาะแสจากเพจเฟซบุ๊ก “Drama-addict”ระบุ ว่ามี สติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ด ขายยาเสพติด ภาษารัสเซียติดตามริมถนนในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ

จึงแจ้งให้ทุก สน. ในกรุงเทพฯ ลงตรวจสอบ จนพบว่ามีสติกเกอร์ดังกล่าวย่านลุมพินี, ปทุมวัน และยานนาวา โดยวิเคราะห์ว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นขบวนการและกระจายอยู่ จึงรายงานให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ทราบก่อนมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำชุดปฏิบัติการ ศอ.ปส.บช.น. ร่วมกับ สน.ยานนาวา และ สน.ลุมพินี (พื้นที่พบสติ๊กเกอร์) ลงพื้นที่สืบสวนโดยเดินเท้าสำรวจในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ พบสติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ดปริศนาระบุข้อความ “Thai hub Telegram COCAINE KETAMINE MEPH METH MDMA” ถูกติดไว้ตามจุดพักคอยและเสาไฟฟ้าหลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ

จากการสืบสวน พบว่าพฤติกรรมกลุ่มคนร้ายแยบยล ไร้เงา ไร้ตัวตน ใช้เทคโนโลยีเอไอ และเมื่อมีคนสนใจสั่งซื้อยาเสพติดจะทำการสแกนคิวอาร์โค้ด บนสติกเกอร์นั้น จากนั้นจะถูกนำเข้าสู่แอปพลิเคชั่นเทเลแกรม สนทนาซื้อขายยาเสพติด ซึ่งจะมี เอไอบ็อท (AI Bot) ตอบโต้กับลูกค้าที่จะสั่งซื้อยาเสพติดอย่างเบ็ดเสร็จตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีมนุษย์หรือแอดมินคอยตอบโต้แม้แต่คนเดียว ยากแก่การติดตามตัว

ส่วนขั้นตอนการทำธุรกรรมซื้อขายยาเสพติด จะรับชำระผ่านสกุลเงินดิจิตัลเท่านั้น โดยบ็อทจะตรวจสอบยอดเงินเข้าบัญชีแบบเรียลไทม์หากลูกค้าโอนเงินยาเสพติดให้แล้ว ระบบจะอนุมัติทันทีโดยไม่ต้องใช้สลิปโอนเงิน และขั้นตอนการส่งมอบยาเสพติดนั้นสุดเหนือชั้น เพราะคนร้ายจะไม่ได้เดินทางไปส่งของเมื่อมีการสั่งซื้อ แต่จะให้ลูกค้าเดินทางไปยังจุดที่มีการซุกซ่อนยาเสพติดที่เตรียมไว้อยู่แล้ว ตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดย Ai Bot จะส่งพิกัดพร้อมภาพจุดซุกซ่อนมาให้ลูกค้าทันทีหลังโอนเงิน เสมือนเกมล่าสมบัติ ให้ผู้ซื้อเดินทางไป “ขุดหา” หรือ “หยิบ” ของได้เองในพื้นที่ที่เลือกไว้ และที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยกระดับขบวนการนี้เป็น มหาภัย คือ กลยุทธ์การขยายเครือข่ายที่ถูกคิดค้นด้วยมันสมองระดับอัจฉริยะ คือเมื่อลูกค้าเสร็จสิ้นจากการสั่งซื้อ จะถูกเอไอบ็อทเชิญชวนให้ผู้ซื้อผันตัวมาเป็นผู้ร่วมธุรกิจ ผ่านระบบสมาชิก โดยจะมีภารกิจให้ทำหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น 1.แนะนำคนอื่นมาซื้อยาเสพติดจะได้ส่วนลดแบบขั้นบันได 2.การเป็นนักบิน (คนเดินยาเสพติด) โดยจะถูกเอไอ สั่งการให้นำยาเสพติดไป “ฝัง” หรือ “ซ่อน” ตามที่ต่าง ๆ โดยการเคลื่อนย้ายลำเลียงยาเสพติดกันเป็นทอด ๆ โดยที่สมาชิกต่างคนต่างไม่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน เพื่อป้องกันการถูกจับกุมแล้วซัดทอดถึงตัวการใหญ่ และ 3.การเปิดระบบ API ให้ผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสามารถนำเอไอบ็อท ไปสร้างหน้าร้านของตัวเองได้ โดยกินส่วนต่างค่าคอมมิชชั่น ทำให้เครือข่ายนี้สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดและยากต่อการปิดกั้น โดยที่ตัวการแท้จริงไร้ตัวตน เพียงแค่ใช้เทคโนโลยี Ai สั่งคอยคำนวณและสั่งการให้ทั้งหมด เมื่อกรรมวิธีก่อเหตุทำได้อย่างเหนือชั้นเข้าขั้น ไร้ตัวตน ไร้เงา ชุดสืบสวนใช้เวลาสืบสวนหลายสัปดาห์

พล.ต.ต.ธีรเดชฯ งัดกลยุทธ “เกลือจิ้มเกลือ” สงคราม Ai จึงได้เริ่มต้นอย่างแท้จริงในยุค 2025 เมื่อชุดปราบปรามยาเสพติด บช.น. ได้ใช้เทคโนโลยีเอไอ ย้อนเกล็ดองค์กรลับด้วยกรรมวิธีการสืบสวนแห่งโลกอนาคตเพียง 1 สัปดาห์ ได้พบกับตัวการสำคัญในขบวนการ 2 ราย เป็นชาวรัสเซีย ซึ่งแผนการสืบสวนโดยใช้ เอไอ ทำให้สืบทราบว่า 1 ในตัวการรายสำคัญ กำลังไปตระเวนขุดหลุม ซุกซ่อนยาเสพติดอยู่ในพื้นที่ย่านพัทยา จ.ชลบุรี ชุดปฏิบัติการ ศอ.ปส.บช.น. และ สน.ยานนาวา มุ่งหน้าติดตามไปอย่างเร่งด่วน

กระทั่งต่อมาวันที่ 9 ธ.ค. เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังเปิดปฏิบัติการ โดยสั่งการชุดสืบสวนเข้าจับกุมตัว MR.MARK ด้วยยุทธวิธีฉับพลัน ป้องกันมิให้คนร้ายปิดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และควบคุมตัวไว้ได้ พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือซึ่งยังคงค้างอยู่ในหน้าจอแอ็ปพลิเคชั่นเทเลแกรม และจากการตรวจค้นรถตู้ต้องสงสัยพบผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นจำนวนมาก จากนั้นได้ขยายการจับกุมคนร้ายอีก 1 รายที่เป็นคนติดสติ๊กเกอร์นั้นหลบหนีไปอยู่ในละแวกพื้นที่สุทธิสาร จ.กรุงเทพ จึงได้นำกำลังไปที่โรงแรมชื่อดังย่านรัชดา ซ.อินทามระ 47 จับกุมตัว MR.IVAN บุคคลตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จากการตรวจค้นห้องพักพบ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กที่อยู่ในมือ ซึ่งยังคงค้างอยู่ในหน้าจอแอ็ปพลิเคชั่นเทเลแกรม และตรวจยึดของกลางใช้ยืนยันการกระทำความผิดอีกหลายรายการ

เบื้องต้นจึงนำตัว MR.MARK พร้อมของกลางบางส่วนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดี ในส่วนของ MR.IVAN ได้นำตัวส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินคดี และของกลางส่วนหนึ่งที่ตรวจค้นพบในห้องของ MR.IVAN ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ดำเนินคดีต่อไป

สอบสวน MR.IVAN ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ในภาพกล้องวงจรปิดคนที่ไปติดสติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ด นั้นมิใช่ตนเอง ส่วนที่ตนเองแค็บหน้าจอข่าวที่คิวอาร์โค้ด ขายยาเสพติดระบาดนั้น โปรแกรม Wechat มันแค็ปไว้เองตนเองไม่ได้เป็นคนแค็ปหน้าจอ ส่วนภาพถ่ายบนผนังห้องที่ตนเองสวมหมวกใบเดียวกับวันที่ก่อเหตุนั้นน่าจะบังเอิญที่หมวกตนเองไปเหมือนกับคนร้าย และภาพจากกล้องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตนดูอาจจะเป็นคนที่ใบหน้าคล้ายกับตนเอง ส่วนอื่น ๆ ไม่ขอให้การใด ๆ และตนเองเคยพบ MR.MARK แต่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมใด ๆ”

สอบสวน MR.MARK ให้การภาคเสธ รับว่า Overstay แต่ปฏิเสธในเรื่องของกัญชา โดยอ้างว่า “ตนเองมีใบอนุญาตจากแพทย์ให้ใช้กัญชาได้ และอ้างว่ามีใบอนุญาตให้ขายกัญชาได้ในนามบริษัทโดยตนอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลา 3 ปี แล้ว ตนจะไปๆมาๆหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น จ.กรุงเทพ , ชลบุรี (พัทยา) , เชียงใหม่ และหลายๆจังหวัดทางภาคใต้ ส่วนที่ขับรถตู้ตระเวนหอบข้าวของพะลุงพะลังนั้น ตนเองชอบยกหม้อหุงข้าวขึ้นห้องพักไปด้วย แต่เป็นการไปหุงข้าวญี่ปุ่น ไม่ได้ใช้ผลิตกัญชาใดๆ ส่วนทรายแมวใช้ดับกลิ่นนั้น ตนไม่ได้เลี้ยงแมวแต่พกเอาไว้ติดรถเฉยๆ หลังจากนี้ถ้าโดนผลักดันออกนอกประเทศ คงจะกลับไปอยู่กับแฟนที่ประเทศรัสเซีย”

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดชฯ รอง ผบช.น. / รองโฆษก ตร. กล่าวว่า “การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมอย่างทันท่วงที เพราะกลุ่มคนร้ายใช้กรรมวิธีการที่ล้ำสมัย แปลกใหม่ ทำให้ไม่สามารถสืบสวนติดตามได้ด้วยวิธีปกติ โดยที่น่ากลัวคือโมเดลการขยายธุรกิจค้ายานรกนี้ ทำได้อย่างรวดเร็ว แยบยล และไร้ตัวตน โดยใช้ความรู้ทางเทคโนโลยี Ai อย่างไม่สร้างสรรค์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ถือเป็นตัวการสำคัญของขบวนการนี้อย่างแท้จริง หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียดจนถึงที่สุดโยประสานงานกับ บช.ปส. ตามที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย และพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทำงานเชิงรุกเรื่องยาเสพติด ของขบวนการค้ายาเสพติดทั้งในประเทศและข้ามชาติ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา ประชาชนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน1386 , 191 และ 1599 หรือสถานีตำรวจใกล้บ้านเพื่อร่วมสร้างสังคมปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร.

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img