ที่จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 27 กันยายน 2567 นายโสภณ ซารัมย์ ประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ดูการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนขนาดเล็ก แห่งคือ โรงเรียนบ้านศึกษาที่มีนักเรียน 28 คนโรงเรียนบ้านสระคตมีนักเรียน 20 คน และโรงเรียนบ้านสวายสอมีนักเรียน 32 คน พบว่าคุณภาพของทั้ง 3 โรงเรียนไม่ได้ด้อยกว่าโรงเรียนในเมืองแต่อย่างใด นักเรียนตั้งแต่ชั้น ป. 1 ขึ้นไปสามารถอ่านออก เขียนได้ทุกโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองบอกว่า ไม่อยากให้ยุบโรงเรียน เพราะชาวบ้านสร้างโรงเรียนขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง และบูรณะด้วยเงินผ้าป่า นอกจากงบประมาณทางราชการที่ได้มา
นอกจากนี้การส่งบุตรหลานไปเรียนในเมืองต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท/เดือน โดยนักเรียนที่มาโรงเรียนในหมู่บ้านจะได้เงินมาโรงเรียนคนละ 20 บาทเท่านั้น จึงทำให้เห็นว่าการที่ผู้ปกครองส่งบุตรหลานไปเรียนในเมืองจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครองอย่างมาก และยังเป็นปัญหาสังคมในเรื่องยาเสพติด และที่สำคัญเด็กในระดับประถม ส่วนหนึ่งขาดความอบอุ่นยังไม่พร้อมที่จะต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอก ขณะที่ผู้ปกครองส่วนหนึ่งแจ้งว่าเด็กที่ไปเรียนในเมือง บางทีกลับมามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางลบ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนของผู้ปกครองทั้ง 3 แห่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประธาน กมธ.ศึกษา กล่าวว่า ส่วนปัญหาการจัดการศึกษาของครูก็คือ การที่ต้องสอนไม่ตรงสาขาที่เรียนมา การเรียนร่วมกันของเด็กสองชั้น การทำงานธุรการอื่น แต่ครูยืนยันว่ามีความสุขกับการทำงาน แต่ขอให้มีผู้บริหารกับนักการในสถานศึกษานั้นก็เพียงพอ ซึ่งเป็นเสียงขอร้องจากครู ซึ่งทางกรรมาธิการได้อธิบายแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก จะต้องบูรณาการกันเป็นกลุ่มโรงเรียน เพื่อใช้งบประมาณ และบุคลากรร่วมกัน โดยมีองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นพี่เลี้ยงอีกทางหนึ่ง และได้รับการยืนยันจากผู้บริหาร อปท.ในเรื่องการรับถ่ายโอนเด็กปฐมวัยไปให้ท้องถิ่นดูแลการศึกษา ทางท้องถิ่นยืนยันว่ามีความพร้อมและเต็มใจในภารกิจนี้เป็นอย่างยิ่ง ทางกรรมาธิการจะได้สรุปแนวทาง ประกอบจัดทำร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และเสนอฝ่ายบริหารต่างๆ ที่รับฟังต่อไป