หน้าแรกการเมือง'คณบดีนิด้า' วอน 'รัฐบาล' แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก่อนประเทศเข้าสู่ภาวะ 'วิกฤต'

‘คณบดีนิด้า’ วอน ‘รัฐบาล’ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก่อนประเทศเข้าสู่ภาวะ ‘วิกฤต’

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงนี้ โดยระบุว่า “การผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมือง เป็นต้นเหตุการทุจริตคอรัปชั่น ความอยุติธรรม และความเหลื่อมล้ำทางสังคม และผลที่สืบเนื่องคือ ปัญหาอาชญากรรม การขายเสียง การค้ายาเสพติด และการขายตัว

มาตรการเชิงนโยบายต่างๆเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำบรรดาผู้บริหารประเทศทราบดีว่า ต้องทำอย่างไรบ้างเพราะมีงานการศึกษางานวิจัยต่างๆมากมายของประเทศที่สามารถทำให้ตนเองหลุดพ้นจากความเหลื่อมล้ำได้

แต่ที่ไม่ทำ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เป็นเพราะเครือข่ายอำนาจทั้งรัฐและทุนนั้นต่างตระหนักดีว่า หากทำลงไป ผลประโยชน์ของตนเองก็จะลดลง หรืออาจหมดไปเลยก็ได้และทำให้อภิสิทธิ์ต่างๆที่ได้รับจากสังคมลดลงอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยากทำสิ่งที่ลดความเหลื่อมล้ำดังเช่น การดองกฎหมายปฏิรูปที่ดินเอาไว้ การดองกฎหมายภาษีทรัพย์สินเอาไว้ การดองอำนาจไว้ในส่วนกลางไม่ยอมกระจายไปสู่ประชาชนในท้องถิ่น เป็นต้น

รวมทั้งการละเลยเพิกเฉยต่อการที่นายทุนเข้ามาผูกขาดทางเศรษฐกิจ รวมทั้งปล่อยปละละเลยให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งเข้าไปผูกขาดขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเองไปแข่งขันกับประชาชน

การแก้ปัญหาการผูกขาดและความเหลื่อมล้ำต่างๆต้องให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงสาเหตุและเภทภัยของการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมืองที่กระทบต่อ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ทั้งในปัจจุบันลูกหลานในอนาคต

และต้องพยายามสร้างแรงกดดันทางสังคมเพื่อแก้กฎหมาย แก้ระเบียบ แก้มาตรการ แก้แนวทางการประพฤติ แก้บรรทัดฐานค่านิยมต่างๆที่เป็นเงื่อนไขค้ำยันความเหลื่อมล้ำและการผูกขาดเหล่านี้อยู่ให้หมดไป
กระแสกดดันนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง

และขยายเครือจ่ายการตรวจสอบจากภาคประชาชน และสื่อมวลชนให้มากขึ้น

ในประวัติศาสตร์ของหลายประเทศการแก้ปัญหาการผูกขาดทางการเมืองและเศรษฐกิจต้องใช้ความพยายามอย่างมากและต้องใช้เวลานับหลายสิบปีจึงจะสามารถบรรเทาและผ่อนคลายความผูกขาดลงไปได้

แต่หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ประเทศก็จะค่อยๆขยายความเหลื่อมล้ำออกไปมากขึ้นมากขึ้นและท้ายที่สุดก็จะทำให้ประเทศตกลงไปสู่ภาวะวิกฤตและเกิดความรุนแรงทางสังคมและการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

การผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมือง เป็นต้นเหตุการทุจริตคอรัปชั่น ความอยุติธรรม และความเหลื่อมล้ำทางสังคม …

โพสต์โดย พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เมื่อ วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2018


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img