ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ฉายภาพแรงกดดันจากปัญหาด้านทักษะแรงงานและสังคมสูงอายุทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับศักยภาพแรงงานเร่งด่วนโดยเฉพาะในภาวะที่องค์กรธุรกิจเผชิญปัจจัยท้าทายจากเมกะเทรนด์โลกชี้ธุรกิจฝึกอบรม (Corporate training) นับเป็นตัวช่วยที่สำคัญแต่ก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาทักษะของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นขององค์กรตลอดจนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แรงงานของไทยมีความเข้มแข็งสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพลิกผันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.พชรพจน์นันทรามาศผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ช่องว่างด้านบุคลากรของไทยเป็นปัญหาทั้งด้านคุณภาพและปริมาณกล่าวคือไทยยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะที่จำเป็นต่อโลกอนาคตหลายด้านเช่นด้านเทคโนโลยีดิจิทัลด้าน Data Analytic ด้านการสื่อสารภาษาต่างประเทศเป็นต้นอีกทั้งประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นของไทยทำให้สัดส่วนกำลังแรงงานลดลงยิ่งกดดันให้ต้องการ productivity จากแรงงานสูงขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้หล่อเลี้ยงประชากรที่มีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นซึ่งมองว่าธุรกิจฝึกอบรมพัฒนาทักษะบุคลากรหรือ Corporate training จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยติดอาวุธทางปัญญาและแก้ปัญหานี้ได้โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีผู้ประกอบการอยู่ประมาณ 5,100 รายมูลค่าตลาดประมาณ 20,000 ล้านบาทแต่มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมากคาดว่าจะแตะระดับ 60,800 ล้านบาทภายในปีพ.ศ. 2570 หรือเติบโตเฉลี่ยถึง 26.4% ต่อปี (CAGR 2562-2570)
“เมกะเทรนด์ที่สำคัญของโลกหลายด้านจะสร้างโอกาสให้กับธุรกิจฝึกอบรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาบุคลากรในโลกยุคใหม่ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเทคโนโลยีในกลุ่มดิจิทัลที่ถูกนำมาปรับใช้ในภาคธุรกิจมากขึ้นกระแส Green economy ที่จะนำมาสู่การจ้างงานในกลุ่ม green jobs เช่นตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานทดแทนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านตำแหน่งทั่วโลกภายในปี 2050 อีกทั้งการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Environment Social and Governance จะทำให้ภาคธุรกิจต้องพัฒนาคนให้มีความเข้าใจในหลักการ ESG ด้วยนอกจากนี้อายุขัยประชากรที่เพิ่มขึ้นและการเข้าสู่สังคมสูงวัยยิ่งตอกย้ำให้เราต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตมากยิ่งขึ้นทั้งนี้เราเริ่มเห็นองค์กรธุรกิจชั้นนำในประเทศไทยเพิ่มเม็ดเงินการลงทุนพัฒนาบุคลากรมากขึ้นซึ่งได้นำไปสู่การยกระดับผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมของธุรกิจทั้งด้านการลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร”
นายกิตติศักดิ์กวีกิจมณีนักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่าแม้จะมีโอกาสที่มากขึ้นแต่ธุรกิจ Corporate training เองก็จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการพัฒนาทักษะที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นโดยคำนึงถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal เร่งแสวงหาความร่วมมือจาก partner ภายนอกและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเช่นปัญญาประดิษฐ์, Virtual Reality หรือ Augmented Reality เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“เราเริ่มเห็นธุรกิจ Corporate training ใช้วิธีการที่หลากหลายและทันสมัยในการส่งมอบบริการฝึกอบรมเช่นการจัด Bootcamp สำหรับสร้างโปรแกรมเมอร์การจำลองสถานการณ์หรือ simulation เพื่อฝึกฝนพนักงานขายให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้โดยผู้ให้บริการฝึกอบรมควรให้ความสำคัญกับความรู้และทักษะแห่งโลกอนาคตที่สอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศที่รัฐบาลให้การสนับสนุนไม่เพียงแต่เฉพาะความรู้เชิงเทคนิคที่เกี่ยวกับงานแต่รวมถึง soft skill ที่จำเป็นต่อการทำงานแห่งโลกยุคใหม่ด้วยเช่น creativity and innovation, leadership, collaboration เป็นต้นทั้งนี้ความร่วมมือกับ partner กลุ่มต่างๆเช่นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาหรือด้านเทคโนโลยีจะยิ่งช่วยเพิ่มความสามารถให้กับ Corporate training ในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้เรียนมากยิ่งขึ้นส่งผลให้บุคลากรในภาคธุรกิจมีความพร้อมรับมือกับงานแห่งโลกอนาคตช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปให้เข้มแข็งและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนหลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย”