หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินธอส. ประกาศผลดำเนินงาน

ธอส. ประกาศผลดำเนินงาน

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ.วันที่ 31 มีนาคม 2562 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 44,041 ล้านบาท 35,971 บัญชีเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 21,319 ราย หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ธนาคารมียอดสอนเขื่อคงค้างรวม 1,128,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.88% สินทรัพย์รวม 1,167,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.95% เงินฝากรวม 945,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.58% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้( NPL) จำนวน 39,295 ล้านบาท คิดเป็น 4.37% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.03% โดยมีอัตราส่วนการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (Provision to NPL) ที่ 166.81% เพิ่มขึ้น 9.60% มีรายได้ดอกเบี้ย 12,971 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 5,432 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,866 ล้านบาท และล่าสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 53,348 ล้านบาท

โดยคาดว่าเมื่อถึง สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2562 การปล่อยสินเชื่อใหม่จะเพิ่มขึ้นไปใกล้เคียงเป้า หมาย 6 เดือน ที่ตั้งไว้จำนวน 100,000 ล้านบาท จากเป้าหมายปี 2562 ที่จำนวน 203,000 ล้านบาท ซึ่งมีการสนันสนุนจากมาตรการต่างๆของภาครัฐ เช่น การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือคอนโดมิเนียมมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองของที่อยู่อาศัยราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท และรวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆที่เพิ่มเติมของภาครัฐบาลที่คาดว่าจะทยอยประกาศมาในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2562 ซึ่งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังของทุกปีจะเร่งตัวจากครึ่งปีแรกตามภาวะการแข่งขันของตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับแนวทางในการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 หลังพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉับบที่ 4) พ.ศ 2562 ได้รับประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2562 ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้มากขึ้น

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฏกระทรวงเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องของการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ซึ่งธนาคารได้เตรียมการออกสลากจำนวน 3 ชุด โดยชุดแรกที่จะเริ่มจำหน่ายได้แก่ สลาก Premium ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท จำนวน 27,000 ล้านบาท ออกสลากทุกวันที่ 16 ของเดือน จำนวน 27 รางวัล/เดือน รางวัลละ 200,000 บาท อายุสลาก 3 ปี ทำให้ผู้ถือสลากมีโอกาสในการลุ้นรางวัลถึง 972 รางวัล จึงทำให้มีโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.1% และเมื่อฝากครบ 3 ปี จะให้ผลตอบแทนหน้าสลากสูงถึง 1.4% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำหากถูกสลากเพียง 1 ครั้งผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะเพื่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.07% ต่อปี และสามารถถือสลากต่อเพื่อมอบเป็นมรดกได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกรางวัลครั้งแรกได้ในเดือนกันยายนนี้ ส่วนสลากอีก 2 ชุด คือ ราคาหน่วยละ 10 ล้านบาท จำหน่ายจำนวน 30,000 ล้านบาท และ ราคาหน่วยละ 500 บาท จำหน่ายจำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดซึ่งคาดส่าจะมีความชัดเจนหลังจากจำหน่ายสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆแล้ว ซึ่งขณะเดียวกันพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ฉบับล่าสุดยังทำให้ธนาคารสามารถจัดทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Reverses Mortgage ภายใต้กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท

เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองและปลอดภาระหนี้ สามรถนำมาจำนองกับธนาคารเพื่อรับเงินเป็นรายเดือนสำหรับการดำรงชีพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กำหนดพื้นที่นำร่องที่อยู่อาศัย (หลักประกัน)ต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยกำหนดให้ผู้กู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 80 ปีและจะต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประเดียวกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมินและสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญาเงินกู้โดยได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี คือ

1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้(0.1%ของวงเงินกู้)

2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน

3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท/ราย) และ

4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1%ของวงเงินจำนอง)

ระยะเวลาขอรับเงินได้นานสูงสุดถึง 25 ปี หรือจนถึงผู้กู้อายุ 85 ปี ธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน อาทิ วงเงินกู้ 2 ล้านบาท หากผู้กู้อายุ 65ปี ระยะเวลาการกู้ 20 ปี ได้รับเงินจากธนาคารเดือนละ 8,300 บาทหากครบระยะเวบาการกู้ตามสัญญาแล้วสามารถขอชำระหนี้ปิดบัญชี โดยธนาคารจะคำนวณจำนวนเงินเท่ากับวงเงินกู้ที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้กู้ทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ หรือ หากไม่สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีผู้กู้ยังมีสิทธิอยู่อาศัยต่อในหลักประกันเดิมได้ตลอดชีวิตหรือสามารถแจ้งความประสงค์ขอกู้เพิ่มได้ โดยจะขอรับวงเงินกู้เพิ่มได้นานสูงสุดถึง 14 ปี และหากกรณีผู้กู้เสียชีวิตให้ถือว่าสัญญาสิ้นสุดลงธนาคารจะให้สิทธิ์แก่ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีเพิ่อไถ่ถอนจำนองเพื่อรับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าวหากแต่ผู้รับผลประโยชน์ไม่ประสงค์ชำระหนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะนำหลักประกันออกขายทอดตลาดต่อไป

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

โดยผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่างๆแม้ราคขายทอดตลาดจะต่ำกว่ายอดการชำระหนี้และในกรณีราคาขายทอดตลาดสูงกว่ายอดชำระหนี้ทางธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างให้แก่ผู้รับผลประโยชน์หักจากหักค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการส่วนต่างๆเรียบร้อยแล้ว

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งทางธนาคารจะเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 และล่าสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 นี้พบว่ามีประชาชนมายื่นคำขอกู้แล้วกว่า 7,300 ราย วงเงินกู้ 5,200 ล้านบาท และมีผู้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วกว่า 6,300 ราย วงเงินกู้ 4,300 ล้านบาท ซึ่งปะจจุบันธนาคารยังคงเร่งติดตามผู้จองสิทธิ์สินเชื่อเมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2561 ทั้ง 127,000 ราย เข้ามาติดต่อขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรือขอยื่นกู้กับธนาคารให้ครบทุกรายในเดือน กรกฎาคม 2562

เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ในการเข้าถึงสินเชื่อของโครงการบ้านล้านหลังที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่นานสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ก่อนเปิดจองโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนจะก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มาเข้าร่วมโครงการให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 หน่วยต่อปี และเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมุ่งเน้นกลุ่มที่เลี้ยงดูบุพการี ผู้มีรายได้น้อย และคนวัยทำงานหรือกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัวและอาจขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานสูงสุดถึง 50 ปี เพื่อเป็นการลดภาระในการผ่อนรายเดือนให้แก่ผู้กู้ต่อไป จากนี้ธนาคารยังมีแผนจัดทำโครงการ Virtual NPL เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาจากรายได้จนทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามปกติและกลายเป็น NPL ของธนาคารดังกล่าว ธอส.เสมือนศูนย์กลางในการรวบรวมที่อยู่อาศัยที่เป็น NPL ของธนาคารเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาดูข้อมูลและเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่ธนาคารกำหนดโดยได้รับความยินยอมจากผู้กู้เดิมจองธนาคารแล้ว เงินที่ได้รับนากผู้ชื้อจะถูกนำไปหักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดให้แก่ผู้กู้เดิมของธนาคารและทำให้ผู้กู้เดิมสามารถปลดภาระหนี้รวมถึงเป็นหนึ่งในมาตรการใหม่จากปัจจุบันที่ช่วยเหลือลูกหนี้เหลือลูกหนี้ที่เป็นลูกหนี้ที่เป็น NPL อยู่แล้ว 13 มาตรการ

ซึ่งจะช่วยลด NPL ของธนาคารลงให้อยู่ในระดับเป้าที่ไม่เกิน 4 % ขอบสินเชื่อคงค้างในสิ้นปี 2562 และในเดือนกันยายน 2562 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังมีกำหนดเปิดตัวโครงการ “ระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง” ซึ่งเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลของอสังหาริมทรัพย์มือสองโดยใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน 31.1 ล้านบาท เพื่อสร้างฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองที่แสดงอุปสงค์แบะอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง เพื่อสร้างช่องทางในการซื้อขายและสร้างให้มีสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำบันทึกความร่วมมือในการจัดทำโครงการและจัดส่งข้อมูลทรัพย์รอการขายเข้ายังฐานข้อมูล เพื่อให้เป็นศูนย์รวมทรัพย์ NPA ของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด ทั้งของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFls) ทั้ง 7 แห่ง รวมถึงธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และกรมบังคับคดี ควบคู่ไปกัยการพัฒนาSoftware ของระบบ เพื่อใหเผู้ที่สนใจสามารถเข้าเบือกซื้อทรัพย์ NPA ผ่านทางเว็บไซต์รวมถึง Application บนโทรศัพท์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img